xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” แนะผู้ส่งออกผักผลไม้ไปอียูให้ความสำคัญลดคาร์บอนฟุตพรินต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ทูตพาณิชย์เวียนนา” เผยอียูเพิ่มความตระหนักถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและอ่อนไหวในประเด็นคาร์บอนฟุตพรินต์เพิ่มมากขึ้น และถูกนำไปกำหนดเป็นค่ามาตรฐานในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้าอาหาร เตือนผู้ส่งออกผักผลไม้ไทยต้องให้ความสำคัญต่อการลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์เพื่อให้สินค้าเป็นที่ต้องการ

น.ส.อรอนุช ผดุงวิถี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา เปิดเผยว่า สำนักงานฯ ได้ติดตามสถานการณ์ที่จะมีผลกระทบต่อการค้าของไทยตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยล่าสุดสหภาพยุโรป (อียู) ได้เพิ่มความตระหนักถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและมีความอ่อนไหวต่อประเด็นคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) และถูกนำไปใช้กำหนดเป็นค่ามาตรฐานในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมอาหาร

สำหรับคาร์บอนฟุตพรินต์ คือปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ (ตามข้อกำหนด ISO 14040) แหล่งกำเนิดของก๊าซดังกล่าวมาจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้ไฟฟ้า กระบวนการผลิตต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม ตลอดจนกระบวนการโลจิสติกส์และขนส่งสินค้าไปสู่จุดหมายปลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งทางอากาศ ซึ่งมีการปล่อยมลพิษจากเครื่องบินเข้าสู่ชั้นโอโซนโดยตรง

ทั้งนี้ โดยปกติสินค้าส่วนใหญ่บนโลกนี้มักถูกขนส่งทางน้ำหรือทางบกเป็นหลัก เนื่องจากมีต้นทุนค่าขนส่งที่ถูกกว่า แต่มีสินค้าบางประเภทที่จำเป็นต้องขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า เช่น อาหารสด รวมถึงผักผลไม้สด โดยเฉพาะหากขนส่งในระยะทางไกล อาทิ จากประเทศไทยไปยุโรป ซึ่งไม่สามารถใช้ช่องทางการขนส่งอื่นๆ ได้นอกจากทางอากาศ ในมุมหนึ่งทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นมากเนื่องด้วยต้นทุนค่าขนส่ง อีกมุมหนึ่งทำให้สินค้าไม่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเท่าที่ควร เนื่องจากวิธีการขนส่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน จึงนับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกสินค้าที่จำเป็นต้องขนส่งทางอากาศ

น.ส.อรอนุชกล่าวว่า ผู้บริโภคชาวยุโรปมีกระบวนการกลั่นกรองทางความคิดค่อนข้างมากก่อนเลือกซื้อสินค้า โดยจะคำนึงถึงที่มาตลอดจนกระบวนการผลิตว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ในขณะที่ผู้ประกอบการมักช่วงชิงบทบาทการเป็นผู้นำเทรนด์ของตลาด ทั้งในมิติด้านการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่ง และการไม่รีรอให้ผู้บริโภคเป็นผู้จุดประเด็นขึ้นมาต่อต้านก่อน ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งสินค้าผักผลไม้สดมาจำหน่ายยังสหภาพยุโรปจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อการลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ให้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันด้านราคากลับเป็นปัจจัยพิจารณาลำดับที่รองลงมาจากประเด็นสิ่งแวดล้อม ทางออกที่สำคัญคือ การคิดหาวิธีการจัดการตลอดจนนวัตกรรมที่จะช่วยทำให้สามารถขนส่งสินค้าดังกล่าวมาทางอื่นได้โดยไม่กระทบต่อคุณภาพของสินค้า แม้ว่ามีความท้าทายในทางเทคนิค และต้องอาศัยการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง แต่ถ้าสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงก็จะเป็นการสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สินค้าประเภทผัก ผลไม้สดของไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น