บัตรเดบิตยูเนี่ยนเพย์ แม้จะเหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปประเทศจีนเป็นประจำ แต่ในประเทศไทย สามารถใช้ได้ตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างค้าปลีก ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ร้านค้า และชอปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ ไม่แพ้เครือข่ายรับบัตรชั้นนำระดับโลก ล่าสุดธนาคารกสิกรไทย ออกบัตรเดบิตยูเนี่ยนเพย์กสิกรไทย เป็นรายล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา
แม้บัตรดังกล่าว สมัครได้เฉพาะผ่านสาขาของธนาคาร และต้องเป็นสาขาขนาดใหญ่ หรือสาขาประจำจังหวัด แต่ข้อดีก็คือ ค่าธรรมเนียมรายปีถูกที่สุด แรกเข้าและทำบัตรทดแทน 100 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 200 บาท พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยูเนี่ยนเพย์ (ประเทศไทย) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบัตรที่เหมาะกับสายโปรโมชั่น และร้านค้าที่รับบัตรยูเนี่ยนเพย์ทั่วโลก
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบัตรเครดิตยูเนี่ยนเพย์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้านักธุรกิจชาวไทยที่เดินทางไปติดต่อธุรกิจในประเทศจีน นักศึกษาที่ศึกษาต่อในประเทศจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ไปท่องเที่ยวในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า และกลุ่มชาวจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย
เวลาผ่านไป ธนาคารกสิกรไทย เริ่มพัฒนาบัตรยูเนี่ยนเพย์ในรูปแบบต่างๆ เช่น เดือนมิถุนายน 2563 เปิดตัวบัตรเงินด่วน Xpress Cash ที่มีสัญลักษณ์ UnionPay ใช้กดเงินสดจากวงเงินสินเชื่อ รูดผ่อนสินค้า หรือจะเป็นบัตร Dolfin Money ซึ่งเป็นบัตรเสมือน (Virtual Card) ในแอปพลิเคชัน Dolfin ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นรูปแบบบัตรสินเชื่อบุคคล
อีกด้านหนึ่ง เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ และยูเนี่ยนเพย์ จัดตั้งเครือข่ายระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ Thai Payment Network หรือ TPN ก็เริ่มเห็นบัตรเดบิต TPN จากธนาคารต่างๆ เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารทิสโก้ ธนาคารไอซีบีซี ไทย ฯลฯ
TPN เป็นเครือข่ายระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ ให้บริการสวิตช์ชิ่งข้อมูลสำหรับธุรกรรมการชำระเงินผ่านบัตรเดบิต TPN และบัตรเดบิตยูเนี่ยนเพย์ในประเทศไทย เพื่อเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสดในอนาคต ทำให้ร้านค้าและธนาคารมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำลง ลูกค้าก็สามารถทำการชำระเงินได้อย่างสะดวกสบายขึ้น และมีระบบความปลอดภัยด้วย Chip & PIN 6 หลัก
สำหรับบัตรเดบิตยูเนี่ยนเพย์กสิกรไทย เป็นบัตรพลาสติก หน้าบัตรมีสีแดงลวดลายเอกลักษณ์สไตล์จีน ด้านบนขวามีโลโก้ KBANK ตรงกลางด้านซ้ายเป็นชิปบนบัตร ด้านขวาระบุข้อความ K DEBIT และสัญลักษณ์คอนแทคเลส (Contactless) ส่วนด้านล่างซ้ายเป็นสัญลักษณ์ Thai Payment Network และด้านล่างขวาเป็นสัญลักษณ์ UnionPay
ส่วนด้านหลังบัตร ประกอบด้วยแถบลงลายมือชื่อ พร้อมรหัส CVV2 จำนวน 7 หลัก ด้านล่างประกอบด้วย เลขที่บัตร 16 หลัก ขึ้นต้นด้วย 6233 20xx xxxx xxxx เดือนและปีที่หมดอายุบัตร (mm/yy) ซึ่งมีอายุการใช้งาน 5 ปี และข้อความ PRIVILEGED MEMBER ด้านขวา เป็นโลโก้ของธนาคารกสิกรไทย และระบุข้อความ "บัตรนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย"
วิธีการใช้งาน กดเงินสดได้ที่ตู้ ATM ที่มีสัญลักษณ์ Thai Payment Network และ Union Pay ทุกธนาคาร โดยใช้รหัสประจำตัว (PIN) 6 หลัก สูงสุด 200,000 บาทต่อวัน ส่วนการใช้จ่ายตามร้านค้า ใช้รหัสประจำตัว (PIN) 6 หลัก ที่สามารถกำหนดได้เอง กดที่เครื่อง EDC เพื่ออนุมัติรายการ และเมื่อใช้จ่ายออนไลน์ ปลอดภัยด้วยรหัส OTP ผ่านระบบ SMS
นอกจากนี้ สำหรับเครื่อง EDC บางร้านค้า ยังสามารถแตะบัตรได้โดยไม่ต้องกด PIN สำหรับรายการไม่เกิน 1,500 บาท เพียงมองหาสัญลักษณ์ Contactless ที่จุดรับชำระ นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากยูเนี่ยนเพย์ รับส่วนลดสินค้าและบริการมากมายในประเทศไทยและทั่วโลก โดยติดตามข่าวสารโปรโมชันได้ที่เฟซบุ๊ก UnionPay International - Thailand
ส่วนการสมัครบัตร ได้เฉพาะสาขาที่มีบัตรอยู่ และต้องเป็นสาขาขนาดใหญ่ หรือสาขาประจำจังหวัด (สาขาในห้างหรือสาขาขนาดย่อมจะมีแต่บัตรแบบอื่น เช่น K-My Debit) โดยนำบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร สำหรับบัญชีออมทรัพย์ หรือสมุดเช็คสำหรับบัญชีกระแสรายวันเป็นหลักฐาน เสียค่าออกบัตรทดแทน 100 บาท และค่าธรรมเนียมรายปี 200 บาท
ถามว่าบัตรนี้เหมาะกับใคร 1. ลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ที่อยากมีบัตรเดบิตไว้กดเงินสด ค่าธรรมเนียมรายปีถูกที่สุดในบรรดาบัตรเดบิตของธนาคาร 2. ลูกค้าที่ชอบโปรโมชัน ยูเนี่ยนเพย์จะมีแก่ผู้ถือบัตรบ่อยครั้ง และรับส่วนลดจาก E-Coupon สูงสุด 1,500 บาท สำหรับรายการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรยูเนี่ยนเพย์ ที่เว็บไซต์ https://www.unionpaythaioffers.com/ ถึง 30 มิถุนายน 2565
ถือเป็นบัตรเดบิตที่แม้จะเปิดตัวอย่างเงียบๆ แต่สิทธิพิเศษเพียบเลยก็ว่าได้
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)
