คนไทยรู้จักเครื่องดื่มบำรุงกำลังสัญชาติญี่ปุ่น "ลิโพวิตัน-ดี" (LIPOVITAN-D) มายาวนานกว่า 56 ปี นับตั้งแต่โอสถสภาถือไลเซนส์จากไทโช ฟาร์มาซูติคอล ประเทศญี่ปุ่น ผลิตและจำหน่ายในไทยมาตั้งแต่ปี 2508 พร้อมกับสัญลักษณ์ชูสองนิ้วและสโลแกน "มั่นใจคุณทำได้" แม้จะวางตำแหน่งพรีเมียม ราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่น แต่ปัจจุบันมียอดขายสูงถึง 300 ล้านขวดต่อปี
ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "ลิโพ-ไฟน์" (LIPO FINE) น้ำตาล 0% กลิ่นมิกซ์เบอร์รี ที่ได้แรงบันดาลใจจากประเทศญี่ปุ่น ให้กลายเป็น "เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง" ในประเทศไทย ปราศจากน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ พร้อมด้วยทอรีน 1,000 มิลลิกรัม ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการพลังงานและเต็มที่กับการใช้ชีวิต ใส่ใจรูปร่างและสุขภาพ โดยมีคริส หอวัง เป็นพรีเซนเตอร์
ลิโพ-ไฟน์ วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อและร้านค้าทั่วไป ขนาด 100 มิลลิลิตร ราคาขวดละ 12 บาท เท่ากับลิโพวิตัน-ดี นับเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในรอบ 22 ปี ต่อจากลิโพ-พลัส (LIPO-PLUS) เครื่องดื่มให้พลังงานผสมน้ำผึ้งและวิตามินบำรุงร่างกาย ขนาดใหญ่ 150 มิลลิลิตร ราคา 15 บาท ท่ามกลางการแข่งขันของเครื่องดื่มบำรุงกำลังในไทยที่มีมากกว่า 20,000 ล้านบาท
ลิโพ-ไฟน์ เป็นเครื่องดื่มชูกำลังฝาและฉลากสีชมพู แต่ยังคงไว้ที่ขวดสีชา เนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินบี 12 ต้องบรรจุในภาชนะทึบแสง เพื่อลดการถูกแสงแดดที่ทำให้วิตามินสูญเสียคุณค่า นอกจากนี้ยังมีอิโนซิทอล, วิตามินบี 6 ไฮโดรคลอไรด์ ขนาดขวด 100 มิลลิลิตรเหมือนกัน ราคาขายเท่ากัน แต่บรรจุภัณฑ์โดดเด่นกว่าลิโพวิตัน-ดีที่เป็นฝาสีขาวและฉลากสีน้ำเงิน
เมื่อเทียบส่วนประกอบสำคัญ พบว่า ลิโพ-ไฟน์ ใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล ได้แก่ เอซีซัลเฟม โพแทสเซียม ซูคราโลส มัลทิทอลไซรัป ให้พลังงานทั้งหมด 15 กิโลแคลอรี จึงตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ขณะที่ลิโพวิตัน-ดี แม้จะมีวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่ก็มีน้ำตาล 6.7% ฟรุกโตสไซรัป 0.07% ให้พลังงานทั้งหมด 40 กิโลแคลอรี น้ำตาล 7 กรัม (เกือบ 2 ช้อนชา)
นอกจากนี้ยังมี ทอรีน 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ช่วยในเรื่องการมองเห็น ช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อมจากแสงสว่างหรือสารเคมี ช่วยลดความเครียด และช่วยขจัดความเมื่อยล้าในกล้ามเนื้อ เมื่อเทียบส่วนประกอบของลิโพ-ไฟน์ มีทอรีน 0.988% เนื่องมาจากใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล ขณะที่ลิโพวิตัน-ดี มีทอรีน 0.96%
แม้ลิโพ-ไฟน์จะวางคอนเซปต์ให้เป็น "เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง" แต่ก็ไม่ได้ห้ามถ้าผู้ชายจะดื่ม ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ รสชาติมิกซ์เบอรี ที่ผู้หญิงชื่นชอบ แตกต่างจากเครื่องดื่มบำรุงกำลังทั่วไป ที่มีรสชาติกลิ่นผลไม้รวมเข้มข้น ขณะที่ความหวาน เมื่อใช้วัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล จะมีรสหวานฝาดๆ ไม่หวานแหลม เหมือนน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาล
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง มีคาเฟอีน 0.05% หรือเท่ากับ 50 มิลลิกรัม ตามกฎหมายกำหนดให้ใส่ได้ไม่เกินเท่านี้ เพราะฉะนั้นโปรดสังเกตคำเติอนบนฉลากก่อนดื่มทุกครั้งว่า "ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด เพราะอาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม ผู้มีโรคประจำตัวหรือผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ก่อน"
ปัจจุบัน ลิโพมีผลิตภัณฑ์ที่วางตลาดอยู่ 3 เซกเมนต์ คือ ลิโพวิตัน-ดี วางตำแหน่งเครื่องดื่มบำรุงกำลังพรีเมียม ที่ราคาสูงกว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลังทั่วไป 2 บาท, ลิโพ-พลัส วางจำหน่ายเมื่อปี 2543 เพิ่มส่วนผสมของน้ำผึ้ง และวิตามินบำรุงร่างกายในขวดสไตส์ใหม่ ชูภาพพจน์สำหรับคนรุ่นใหม่ทันสมัย และล่าสุดกับ ลิโพ-ไฟน์ เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิง
ปัจจุบัน ตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยมีผู้นำตลาดคือ โอสถสภา ที่มีทั้งลิโพ เอ็ม 150 ฉลาม และโสมอินซัม ครองส่วนแบ่งตลาดไตรมาสแรกของปี 2564 รวม 54.9% ส่วนอีกสองรายคือ คาราบาวกรุ๊ป ผู้ผลิตเครื่องดื่มคาราบาวแดง และ ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล ผู้ผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดง และเรดดี้ นอกนั้นคือผู้เล่นรายเล็กเจ้าอื่นๆ
ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทย ผูกติดกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ราคาจำหน่ายต่อขวดในปัจจุบันคือ 10 บาท แต่ผู้บริโภคไม่ได้จำกัดเพียงแค่ผู้ใช้แรงงาน ยังมีพนักงานออฟฟิศ นิสิต นักศึกษา ที่น่าสนใจคือ กลุ่มผู้บริโภคผู้หญิงมีการใช้จ่ายซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังต่อคนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เริ่มมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับผู้หญิงออกมา
ก่อนหน้านี้ ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล ออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเรดดี้ โกจิเบอร์รี่ เจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศและคนรุ่นใหม่ และยังออกเรดดี้ เลมอน ซี สำหรับผู้หญิงยังมี เรดดี้ พิงค์ ผสมคอลลาเจนและวิตามินซี ส่วนผู้ชายมีเรดดี้ บู้ท ผสมแอล-อาร์จินีนและซิงค์ ขณะที่ค่ายโอสถสภาก็เคยดันผลิตภัณฑ์โสมอินซัม ดึงพรีเซนเตอร์ ก้อง ห้วยไร่ และ ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี
สำหรับเครื่องดื่มลิโพในประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท ไทโซ ฟาร์มาซูติคอล โฮลดิ้ง เปิดตัวในปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) โดยมีทอรีนเป็นส่วนประกอบหลัก มียอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่น ด้วยยอดขายในปี ค.ศ. 2016 มากกว่า 38,000 ล้านขวด ปัจจุบันวางจำหน่ายแล้ว 12 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย โดยบางประเทศมีชื่อว่า ลิวิต้า (Livita) หรือ ลิโบเจน (Libogen)
นอกจากลิโพวิตัน-ดี และลิโพ-ไฟน์ ที่วางจำหน่ายในไทยแล้ว ที่ญี่ปุ่นยังมีลิโพวิตันซีรีส์ต่างๆ มากกว่า 20 เซกเมนต์ เช่น ลิโพวิตัน-ฟิล (LIPOVITAN-FEEL) เครื่องดื่มปราศจากคาเฟอีน กลิ่นองุ่นมะนาว สำหรับดื่มก่อนนอน, ลิโพวิตันซีโร่ (LIPOVITAN ZERO) น้ำตาล 0% รสพีช และลิโพวิตันสูตรอื่น ผสมทอรีนทั้ง 1,500 และ 2,000 มิลลิกรัม ลิโพสูตรปราศจากคาเฟอีน เป็นต้น
แม้ข้อจำกัดในด้านส่วนผสม แต่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในไทยยังคงมีโอกาสออกผลิตภัณฑ์ ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ในการบริโภค สร้างความคึกคักและขยายตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังให้เติบโตขึ้น แม้ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลจะไม่ยึดติดกับแบรนด์ แต่เน้นตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวก็ตาม
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)