บาฟส์เจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ขนาด 13 เมกะวัตต์ในต่างประเทศ คาดใช้เงินไม่เกิน 700 ล้านบาท หนุนรับรู้รายได้ทันที จากก่อนหน้านี้ซื้อ 7 โรงไฟฟ้าโซลาร์ในไทย
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังผลิต 13 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วในต่างประเทศ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 700 ล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้รายได้ทันทีหลังเข้าซื้อกิจการ
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมต่อเนื่องอย่างระมัดระวัง โดยเน้นซื้อโรงไฟฟ้าที่เปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วทำให้มีรายได้เสริมในช่วงธุรกิจการบินซบเซาจากผลกระทบโควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์การบินกลับสู่ภาวะปกติก็มีแผนลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเอง (กรีนฟิลด์) เพื่อให้มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ก่อนหน้านี้ บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 7 โรง กำลังผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ จากบริษัท พีดีไอ เอ็นเนอร์ยี จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) คิดเป็นมูลค่า 1,704.67 ล้านบาท เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 ทำให้รับรู้รายได้ไม่น้อยกว่า 120 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ 1 พันล้านบาทใน 3 ปี สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบาฟส์ในการขยายพอร์ตพลังงานทดแทน และเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่กลุ่มบริษัท
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ปี 2564 บริษัทคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน (JET) จะลดลงกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยมีปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานรวม 2,302 ล้านลิตร ลดลง 2% จากปีก่อนอยู่ที่ 2,354 ล้านลิตร