วัยรุ่นมะกันตาม“ฟินฟลูเอนเซอร์”เข้าตลาดคริปโต หนุ่มสาวเกาหลีใต้รับอยากรวยจบด้วยเครียดหนัก

วัยรุ่นอเมริกันเกือบครึ่งมั่นใจรู้จักสินทรัพย์ดิจิตอลมากกว่าพ่อแม่ ผลสำรวจยังพบว่า 1 ใน 3 เรียนรู้เรื่องการเงินจาก “ฟินฟลูเอนเซอร์” บนติ๊กต็อก ขณะที่รายงานอีกฉบับชี้ว่า นักศึกษาเกาหลีใต้ลงทุนคริปโตเพราะอยากรวยทางลัด แต่สุดท้ายกลายเป็นเครียดจัดจนนอนไม่หลับ บางคนอารมณ์เหวี่ยง ไม่มีสมาธิทำกิจวัตรปกติ และเสพติดการเทรดคริปโต

ปกติแล้วพ่อแม่มักถ่ายทอดความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนให้ลูก ผลสำรวจของเวลส์ ฟาร์โกที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่า 57% ยังเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แม้สถานการณ์อาจตรงกันข้ามเมื่อเป็นเรื่องคริปโตก็ตาม

รายงานเวลส์ ฟาร์โก พาเรนต์-ทีนสำรวจความคิดเห็นวัยรุ่นอเมริกันอายุ 13-17 ปี จำนวน 318 คน และพ่อแม่ของวัยรุ่นกลุ่มวัยนี้จำนวน 304 คน

ผลสำรวจพบว่า พ่อแม่ 50% ยอมรับว่า ลูกรู้เรื่องบิตคอยน์ดีกว่าตัวเอง ขณะที่วัยรุ่น 45% รู้สึกว่า ตนรอบรู้เรื่องเงินดิจิตอลมากกว่าพ่อแม่ ในจำนวนนี้เป็นวัยรุ่นชาย 58% และหญิง 33%

ในบางกรณีพ่อแม่ถึงขั้นขอคำปรึกษาเรื่องการลงทุนจากลูก ตัวอย่างเช่น อดัม เอ็มลามาลี วัย 19 ปีที่ลงทุนทั้งหุ้นและคริปโต และให้คำปรึกษาทางการเงินแม่เป็นประจำ ซึ่งรวมถึงการบอกว่า เมื่อไหร่ควรขายบิตคอยน์

เขาเชื่อว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะแม่เคยเห็นเขาเล่นหุ้นได้กำไร และชอบที่เขาวิเคราะห์แนวโน้มตลาดให้ฟังเพื่อให้แม่ตัดสินใจเองว่า อยากลงทุนหรือไม่และจะลงเท่าไหร่

ผลศึกษาของเวลส์ ฟาร์โกยังพบว่า คริปโตเป็นหัวข้อยอดนิยมบนโซเชียลมีเดีย โดยวัยรุ่น 35% บอกว่า อย่างน้อยโซเชียลก็ทำให้ได้ความรู้ทางการเงินบางอย่าง แต่มีพ่อแม่แค่ 12% ที่รู้ว่า ลูกเรียนรู้ทักษะทางการเงินจากโลกออนไลน์

ติ๊กต็อกที่ติด #bitcoin มียอดวิว 3,600 ล้านวิวบนแพล็ตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ส่วน #crypto มียอดวิว 3,400 ล้านวิว ขณะที่ #fintok หรือคลิปเกี่ยวกับการเงินบนติ๊กต็อกมีคนเข้าชม 357.3 ล้านครั้ง และ #stocktok ที่ชาวติ๊กต็อกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องหุ้นเด่นมีคนดู 1,200 ล้านครั้ง

“ฟินฟลูเอนเซอร์” ที่หลายคนมีผู้ติดตามเกินแสน ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างติ๊กต็อกบอกเล่ากลยุทธ์การลงทุน แชร์หุ้นเด่น และให้ความรู้เกี่ยวกับการเงิน อย่างไรก็ตาม ฟินฟลูเอนเซอร์บางคนไม่ได้เป็นนักการเงินมืออาชีพหรือเคยร่ำเรียนด้านการลงทุนมาโดยตรง

พลังขับเคลื่อนตลาดของโลกโซเชียลอยู่ในความสนใจของวัยทีนเช่นเดียวกัน โดยผู้ทำแบบสำรวจ 45% บอกว่า ตำนานเกมสต็อปจากพลังโซเชียลมีเดียที่สร้างความปั่นป่วนในตลาดเมื่อต้นปี เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจการเงินการลงทุน

มาเรียนา มาร์ติเนส ที่ปรึกษาด้านครอบครัวของกลุ่มบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนของเวลส์ ฟาร์โก ทิ้งท้ายว่า โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับสื่อสังคมและมักไว้ใจแพลตฟอร์มต่างๆ มากกว่าที่คนรุ่นพ่อแม่ไว้ใจ

ขณะที่วัยรุ่นอเมริกันสนใจคริปโตตามฟินฟลูเอนเซอร์ เดอะ โคเรีย ไทมส์รายงานว่า หนุ่มสาวเกาหลีใต้ถูกดึงดูดสู่แวดวงเงินดิจิตอลเพราะฝันเฟื่องถึงรถเครื่องแรง โรงแรมหรู และเงินเป็นฟ่อน

ชาวเกาหลีใต้มากมายใฝ่ฝันได้ทำงานดีๆ ที่จ่ายค่าตอบแทนอย่างงาม ท่ามกลางความเป็นจริงของสภาพตลาดงานที่อ่อนแอ เศรษฐกิจเติบโตอย่างเชื่องช้า และอิทธิพลของเหล่าแชโบลหรือกิจการขนาดใหญ่ภายใต้การบริหารของครอบครัวเจ้าของกิจการ นักศึกษาจำนวนมากจึงหันไปฝากความหวังกับตลาดคริปโต

แต่แทนที่จะรวยสมใจ ผลสำรวจพบว่า หนุ่มสาวเหล่านั้นกลับมีแต่ความเครียด นอนไม่หลับ และปัญหาทางจิตใจอื่นๆ

การสัมภาษณ์นักศึกษา 1,750 คนในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมพบว่า 23% ลงทุนในคริปโต และ 68.3% ทำเครื่องหมายในช่อง “ผลข้างเคียงด้านจิตใจ” ซึ่งกว่า 33% ในจำนวนนี้ระบุว่า อารมณ์เหวี่ยงรุนแรงเมื่อราคาคริปโตผันผวน

ผู้ให้สัมภาษณ์กลุ่มหนึ่งบอกว่า ไม่ค่อยมีสมาธิกับกิจกรรมประจำวัน เช่น เรียนหรือทำงาน บางคนยอมรับว่า เสพติดการเทรดคริปโต

หลายคนเผยว่า การทำกิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องยากขึ้นเพราะ “เครียดเกินไป” และบางคนเป็นโรคนอนไม่หลับ

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ 25% บอกว่า ตลาดคริปโต “เข้าง่าย” เพราะสามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการเทรดสินทรัพย์อื่นๆ ที่ต้องมีเงินทุนตั้งต้นก้อนใหญ่

52% ของนักลงทุนเหล่านี้บอกว่า มองแง่บวกเกี่ยวกับการเติบโตของคริปโต, 33% ชอบที่ผลตอบแทนสูง, 31% ตั้งข้อสังเกตว่า มีข้อจำกัดในการเข้าลงทุนต่ำ และ 15% เห็นว่า ช่วยให้ข้ามผ่าน “ลำดับชั้น”

รายงานยังพบว่า นักศึกษาเกาหลีใต้ลงทุนในคริปโตเฉลี่ยคนละ 1.41 ล้านวอน (1,200 ดอลลาร์) โดย 75% บอกว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการทำงานพาร์ทไทม์ อย่างไรก็ตาม มีเพียง 40% เท่านั้นที่ได้กำไร ขณะที่คนอื่นๆ เจ๊งระนาว เฉลี่ยแล้วขาดทุนกันไปคนละ 740,000 วอน (650 ดอลลาร์)