รอลุ้นมาตรการจากรัฐเคาะต่ออายุมาตรการลดค่าไฟที่จะสิ้นสุด 30 มิ.ย.นี้หรือไม่ ก.พลังงานรับหากต่อต้องใช้เงินงบประมาณฯ อุดหนุน ขณะที่ราคาแอลพีจีที่ กบง.เคาะตรึงไว้ 318 บาทต่อถัง 15 กก.ก็จะสิ้นสุดสิ้นเดือนนี้เช่นกัน โดยมุ่งดูฐานะกองทุนน้ำมันฯ มาเป็นกลไกอุดหนุนฯ ต่อได้หรือไม่
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนและกิจการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 พ.ค. 64 โดยกำหนดให้ลดค่าไฟฟ้าตามมาตรการเดิมที่เคยดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 64 ให้มีผลรอบบิลเดือน พ.ค.-มิ.ย. 64 โดยใช้เดือน เม.ย. 64 เป็นเดือนฐานในการคิดคำนวณลดค่าไฟฟ้า รวมไปถึงมาตรการการตรึงราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิ.ย. กระทรวงฯ ต้องรอนโยบายจากภาครัฐว่าจะมีการพิจารณาขยายต่อหรือไม่เพราะจะต้องพิจารณาวงเงินในการดูแลโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้วงเงินจากภาครัฐ
“การลดค่าไฟ 2 เดือนได้คาดการณ์ใช้เงินดูแลไว้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าหากจะช่วยเหลือต่อไปก็ต้องใช้งบประมาณจากรัฐบาล เช่น วงเงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน เป็นต้น เรื่องนี้ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็กำลังพิจารณาอยู่ ขณะที่ราคาแอลพีจี กบง.ได้พิจารณาตรึงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ออกไป 3 เดือน หรือมีผล 1 เม.ย.-30 มิ.ย. 64 ทางกระทรวงฯ เองคงจะต้องมีการพิจารณาวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่ามีเพียงพอที่จะเข้ามาดูแลต่อมากน้อยเพียงใดจากก่อนหน้าได้กำหนดกรอบวงเงินดูแลไว้ไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท ล่าสุดมีการใช้เงินไปแล้วกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิอยู่ที่ 20,498 ล้านบาท” นายกุลิศกล่าว
สำหรับแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าในปี 2564 กระทรวงฯ ยังคงต้องติดตามแผนการกระจายวัคซีนอย่างต่อเนื่อง เพราะจะมีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อการใช้พลังงานภาพรวม เบื้องต้นจากการประเมินหากมีการฉีดวัคซีนตามแผน คาดการส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในส่วนของความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงครึ่งหลังของปีอาจจะปรับเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดิมที่คาดว่าทั้งปีการใช้ไฟจะอยู่ที่ 187,421 ล้านหน่วยเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากมีการระบาดโควิดรอบใหม่ส่งผลให้ครึ่งปีแรกการใช้ไฟลดลง 0.4%