ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ คาดลงนามสัญญาโรงไฟฟ้าขยะที่โคราชและสงขลาภายใน 1-2 เดือนนี้ แย้มอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้า VSPP เพิ่มอีก 9 โรง หนุนรายได้เพิ่มขึ้นชดเชยกำไรที่หายไปจาก ADDER โรงไฟฟ้าที่ทยอยหมดอายุในปี 65
นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าจะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้าขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ขนาดกำลังการผลิตจำนวน 7.92 เมกะวัตต์ (MW) ได้ไม่เกิน 30 วัน หลังจากที่บริษัทชนะการประมูลเมื่อต้นปี 2564 ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างตรวจสอบร่างของสัญญาดังกล่าว
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยระยะที่ 2 ของเทศบาลนครนครราชสีมา กำลังการผลิตจำนวน 9.9 เมกะวัตต์ คาดจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ภายในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่เตรียมเข้าไปประมูลในส่วนของโรงไฟฟ้า VSPP ขนาดกำลังผลิต 8-10 เมกะวัตต์เพิ่มอีกจำนวน 9 โครงการ โดยบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ามาอยู่ที่ระดับ 580 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตรวม 440 เมกะวัตต์ โดยไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เนื่องจากมีขนาดกำลังการผลิตน้อยเกินไป
นายวรวิทย์กล่าวต่อไปว่า ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าTG7 ขนาดกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าจากเดิมขายให้กับบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
โดยปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 11,000-12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นและความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลดลง และการขายเชื้อเพลิง RDF ให้บริษัทแม่ คือ บมจ.ทีพีไอ โพลีน รับรู้รายได้ประมาณปีละ 350-450 ล้านบาทต่อปี
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเดิมของบริษัทที่ Adder จะทยอยหมดอายุลงในปี 2565 จะทำให้ EBITDA ของบริษัทลดลงราว 800-900 ล้านบาท และปีถัดไปลดลงระดับ 1,000 ล้านบาทนั้น บริษัทฯ จะมี EBITDA ชดเชยเข้ามาจากโครงการ TG7 และโรงไฟฟ้าขยะที่ชนะประมูลจากนครราชสีมาและสงขลา รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ อื่นด้วยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี