รฟม.เร่งเวนคืน 1.7 หมื่นล้านบาทรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ “เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ” พร้อมลุยสำรวจค่าทดแทนชดเชยสิ่งปลูกสร้างจบใน พ.ค. เสนอสำนักงานทรัพย์สินฯ ขออนุญาตปักหมุดเขตพื้นที่ก่อสร้าง คาดประมูลได้ในปีนี้ ยอมรับเหล็กขึ้นราคากระทบต้นทุน
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม.จะเร่งดำเนินการเวนคืนที่ดินเพื่อเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กม. เงินลงทุน 101,112 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อกำหนดค่าทดแทนสำหรับการใช้พื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะสำรวจและสรุปรายละเอียดเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอรายละเอียดให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อยุติ และได้รับอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่บริเวณถนนสามเสน พระสุเมรุ และมหาไชย สำหรับการก่อสร้าง รฟม.จะเร่งเปิดประมูลซึ่งคาดว่าจะประกาศทีโออาร์ได้ภายในปีนี้ โดยได้ออกแบบและเตรียมเอกสารประกวดราคาไว้เสร็จ โดยจะมีการปรับปรุงราคากลางให้เป็นปัจจุบันก่อนวันประกาศประมูล 30 วัน
สำหรับกรณีที่ราคาเหล็กโลกปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลต่อราคาเหล็กในประเทศที่ปรับราคาขึ้นตามไปด้วย และอาจจะกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าที่อาจเพิ่มขึ้นนั้น นายภคพงศ์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ ซึ่งล่าสุดกรมบัญชีกลางได้ประกาศแนวทางปฏิบัติ หน่วยงานของรัฐจะต้องให้คู่สัญญาจัดทำแผนการใช้เหล็กที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณเหล็กที่ต้องใช้ทั้งหมดตามสัญญา
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. (โครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 12.6 กม. และโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ 11 กม.) มีทั้งหมด 17 สถานี เป็นโครงการรถไฟฟ้าที่เชื่อม 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เส้นทางเริ่มต้นที่สถานีเตาปูน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ และเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพงและบางซื่อ-ท่าพระ
มีวงเงินลงทุน 101,100 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 15,913 ล้านบาท ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 32 ล้านบาท ค่าก่อสร้างสิ่งทดแทนหน่วยงานราชการที่ได้รับผลกระทบ 1,335 ล้านบาท โดยจะมีการเวนคืนที่ดิน 410 แปลง หรือ 102 ไร่ สิ่งปลูกสร้างจำนวน 267 หลัง
มีค่างานโยธา 77,385 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 2,865 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด (Provisional Sum) ของงานโยธา จำนวน 3,582 ล้านบาท แบ่งงานเป็น 6 สัญญา ประกอบด้วย งานใต้ดิน 4 สัญญา งานทางยกระดับ 1 สัญญา และงานระบบราง 1 สัญญา
