xs
xsm
sm
md
lg

“กฟผ.” กางไทม์ไลน์พัฒนาโรงไฟฟ้า 4 ภาคช่วยฟื้นฟู ศก.หลังโควิดคลี่คลาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กฟผ.พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนาไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP2018 Rev.1) คืบหน้า หวังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย ทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศ และรักษาระบบไฟฟ้ารายภาคให้เกิดความมั่นคง

นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Revision 1) ที่ให้ความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในรายภูมิภาค โดยแต่ละภาคจะต้องมีแหล่งผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าหลักที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคครัวเรือนและภาคเศรษฐกิจ เป็นที่พึ่งพาและสอดรับกับระบบไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในอนาคต และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย ก่อให้เกิดการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับโครงการที่ กฟผ. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้าทั้ง 4 ภาคมีความคืบหน้า ดังนี้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กฟผ.มีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร (Hydro-floating Solar Hybrid) ขนาด 45 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าในภาพรวม ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 ที่ 93.30% และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ประมาณปลายเดือนมิถุนายน 2564 นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทน ขนาดกำลังผลิต 650 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (Feasibility Study) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA) เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการภายในเดือนธันวาคม 2564

ภาคกลาง โครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม) ขนาด 2,100 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ระยะที่ 1 ขนาด 700 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจากกระทรวงพลังงาน กกพ. และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในเรื่องรายงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ โดยโครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม) อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนฯ ครั้งที่ 3 เพื่อประกอบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ( EHIA) และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ระยะที่ 1 อยู่ในขั้นตอนการเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนฯ ครั้งที่ 2 เพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA

ภาคใต้ โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 ขนาดกำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ และภาคเหนือ โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8-9 ขนาดกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกพ.และ สศช.ในเรื่องรายงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ พร้อมกันนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างจัดทำรายงาน EIA ของโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 และรายงาน EHIA โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8-9 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอ กก.วล. ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม. อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8-9 ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 และโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 ภายในเดือนมีนาคม 2565

“กฟผ.ดำเนินการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ เพื่อให้ช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่นและรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะทำให้พลังงานหมุนเวียนเกิดความเสถียร อย่างเช่น แบตเตอรี่ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ในระหว่างนี้โรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงจึงต้องเป็นโรงไฟฟ้าพี่เลี้ยงไประยะหนึ่งก่อน อีกทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้านี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย ทำให้เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายประเสริฐศักดิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น