xs
xsm
sm
md
lg

SCC เล็งขยับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นอีก หลัง Q1/64 ดีเกินคาดจาก ศก.โลกฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



SCC จ่อปรับเป้ารายได้จากการขายปีนี้เพิ่มจากเดิมที่ตั้งเป้าโต 5-10% เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 กำไรพุ่ง 114% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มรับตลาดโลกฟื้น และมีกำลังผลิตจากโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ เฟส 2 ขณะเดียวกันได้ขับเคลื่อนองค์กรสู่ต้นแบบธุรกิจ ESG ด้วยการลงนามในสัญญาซื้อหุ้นใน “ซีพลาสต์” บริษัทรีไซเคิลพลาสติกในโปรตุเกส พร้อมเสนอใช้สำนักงานใหญ่ บางซื่อ เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน เริ่มมิถุนายนนี้

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2564 ดีเกินที่คาดไว้ โดยมีรายได้จากการขาย 122,066 ล้านบาท โตขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 14,914 ล้านบาท เติบโต 114% สืบเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการเดินเครื่องของโครงการมาบตาพุดโอเลฟินส์ เฟส 2 ส่วนจะปรับเป้าหมายการขายในปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5-10% หรือไม่นั้น ต้องรอดูผลการดำเนินงานไตรมาส 2 นี้ก่อน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความเป็นห่วงสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในบางประเทศมีความรุนแรงขึ้นมาก เช่นอินเดีย จะส่งผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก


ด้านผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 122,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากทุกกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานดีขึ้น และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจเคมิคอลส์มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC) ในไตรมาสก่อน การเริ่มผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ เฟส 2 (MOC Debottleneck) และอุปสงค์ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างดีขึ้นจากปัจจัยตามฤดูกาล ด้านธุรกิจแพกเกจจิ้งมีการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ (Downstream) ในภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตยิ่งขึ้น และกระจายฐานลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 15% และมีกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 114% สาเหตุหลักจากธุรกิจเคมิคอลส์มีส่วนต่างราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ทั้งสิ้น 51,104 ล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วน 42% ของรายได้จากการขายรวม เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 นี้ค่อนข้างรุนแรง และส่งผลกระทบด้านสุขภาพและเศรษฐกิจในวงกว้าง ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามเต็มที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัปดาห์นี้ที่ภาครัฐได้ยกระดับมาตรการให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่าหากพวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

สำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 “แอสตร้าเซนเนก้า” โดยบริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ จำกัด มีความคืบหน้าด้วยดี ล่าสุด อย.ได้อนุมัติให้บริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ จำกัด เป็นฐานการผลิตวัคซีนที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตและกระจายวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้

ขณะเดียวกัน มูลนิธิเอสซีจีเอสซีจีและเอสซีจีพีได้กระจายความช่วยเหลือไปยัง 270 หน่วยงานใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วนให้แก่ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ด้วยนวัตกรรม “เตียงสนามกระดาษเอสซีจีพี ”จำนวน 22,000 ชุดที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลรองรับการใช้งานตามสรีระของคนเอเชีย รับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม ขนส่งและประกอบได้ง่าย รวมถึงนวัตกรรม “ห้องน้ำสำเร็จรูป” “ห้องความดันอากาศบวก” และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ

นอกจากนี้ บริษัทจะใช้พื้นที่บริเวณสำนักงานใหญ่ บางซื่อ ให้เป็น “สถานีฉีดวัคซีน” สำหรับประชาชนเพื่อให้เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น