ตลาดกาแฟพร้อมดื่มมีมูลค่ามากกว่า 13,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟกระป๋อง ราคาเฉลี่ยกระป๋องละ 15 บาท เจาะกลุ่มตลาดผู้ใช้แรงงาน แต่สำหรับกาแฟพร้อมดื่มเซ็กเมนต์พรีเมียม ราคา 25 บาทขึ้นไป แม้จะมีมูลค่าตลาดที่ต่ำแต่ก็ยังมีโอกาสเติบโต จากพฤติกรรมการดื่มกาแฟที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งร้านกาแฟนอกบ้านได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
ล่าสุด ทรูคอฟฟี่ (True Coffee) ร้านกาแฟจากค่ายทรูที่เปิดให้บริการมานานถึง 16 ปี ก็หันมาชิมลางส่งกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม วางจำหน่ายที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ในราคาแก้วละ 39 บาท มีให้เลือก 2 รสชาติ ได้แก่ ซิกเนเจอร์ ลาเต้ และ อเมริกาโน่ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่ชื่นชอบกาแฟพรีเมียมแต่ไม่สะดวกออกนอกบ้านในยามนี้
สำหรับกาแฟทรูคอฟฟี่ทั้งสองรสชาติ ผลิตโดย บริษัท นัมยัง แดรี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มจากประเทศเกาหลีใต้ ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบไม่ใช้วัตถุกันเสีย การเลือกใช้แก้วพลาสติกพร้อมหลอดแทนแก้วอลูมิเนียม รวมทั้งกระจายสินค้าแบบแช่เย็น ในอุณหภูมิน้อยกว่า 10 องศาเซลเซียส เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์นม เพื่อคงความสดใหม่ของกาแฟ
จุดเด่นของกาแฟทรูคอฟฟี่ คือ เมล็ดกาแฟ ใช้กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% สายพันธุ์บราซิล โคลอมเบีย เคนย่า และเอธิโอเปีย ใช้เมล็ดกาแฟที่เก็บเกี่ยวใหม่ภายในปี 100% เพื่อคงความสดของกลิ่นและรสชาติ สกัดด้วยแรงดัน 9 บาร์ ทำให้ได้กาแฟที่หอมละมุนรสชาติพอดี โดยกาแฟแบบซิกเนเจอร์ ลาเต้ จะเพิ่มเติมด้วยความหวานจากน้ำเชื่อมและคาราเมล รสชาติกลมกล่อม
ทรูคอฟฟี่ ซิกเนเจอร์ ลาเต้ (แก้วสีแดง) ให้พลังงาน 150 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย น้ำตาล 15 กรัม ไขมัน 5 กรัม และโซเดียว 110 มิลลิกรัม มีคาเฟอีน 43 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ส่วน ทรูคอฟฟี่ อเมริกาโน่ (แก้วสีดำ) ให้พลังงาน 5 กิโลแคลอรี ไม่มีน้ำตาล ไม่มีไขมัน ไม่มีโซเดียม เป็นกาแฟดำที่หอมละมุนรสชาติพอดี มีคาเฟอีน 49 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร
แม้จะยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ทรูคอฟฟี่ก้าวกระโดดมายังตลาดกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่สภาพตลาดที่ผ่านมาพบว่า ผู้คนใช้เวลานอกบ้านน้อยลง และทำงานที่บ้านมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจึงเปลี่ยนมาเป็นสั่งแบบกลับบ้าน (Take Away) ผ่านดีลิเวอรี หรือซื้อกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มเก็บไว้
ขณะที่เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้กาแฟพร้อมดื่มแบบปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่กระป๋องอลูมิเนียม ที่อาจส่งผลทำให้รสชาติกาแฟผิดเพี้ยนไป กาแฟพร้อมดื่มเซ็กเมนต์พรีเมียม มักจะมาในรูปแบบขวดพลาสติก หรือแก้วพลาสติกคุณภาพสูง พร้อมซีลรอบขวดหรือแก้ว เพื่อช่วยปกป้องกาแฟจากออกซิเจนภายนอก คงความสดใหม่ของกาแฟให้ได้มากที่สุด
ส่วนราคาซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของคอกาแฟ พบว่ากาแฟพร้อมดื่มเซ็กเมนต์พรีเมียม แม้จะราคาแพงกว่ากาแฟกระป๋อง 2-3 เท่า แต่ถูกกว่ากาแฟสดในร้านกาแฟชื่อดัง 2-3 เท่า รวมทั้งเก็บรักษาง่ายในตู้เย็นช่องปกติ ปัจจุบันผู้เล่นในตลาดมีทั้งเนสกาแฟ และค่ายดัชมิลล์ที่มีกาแฟอาราบัส ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากเกาหลีใต้ วางจำหน่ายเมื่อปี 2558 และแบรนด์จากต่างประเทศ
นี่อาจจะเป็นคำตอบว่า ทำไมตลาดกาแฟพร้อมดื่มเซ็กเมนต์พรีเมียมจึงเริ่มมีผู้เล่นเข้ามาในตลาด แม้กระทั่งร้านกาแฟเจ้าดัง เจ้าของเดียวกับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ยังโดดมาร่วมชิงส่วนแบ่งตลาดด้วย
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)