ราคา “โดชคอยน์” คริปโตที่สร้างขึ้นมาขำๆ โดยใช้โลโก้มีมน้องหมาชิบะอินุ และเป็นคริปโตสุดเลิฟของอีลอน มัสก์ ทะยานกว่า 500% ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ส่งมาร์เก็ตแคปแตะ 53,000 ล้านดอลลาร์และกลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลมูลค่าสูงสุดอันดับ 5 ของโลก แต่ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์นี้ยิ่งทำให้หลายคนหวาดระแวงว่า ตลาดคริปโตอาจกำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ซึ่งไม่รู้ว่าจะแตกเมื่อไหร่
โดชคอยน์ที่สองวิศวกรซอฟต์แวร์ บิลลี่ มาร์คัส และแจ็คสัน พาล์มเมอร์ พัฒนาขึ้นมาในปี 2013 เพื่อเป็นตัวเลือกขำๆ ที่ทุกคนสามารถใช้ได้แทนบิตคอยน์ และชุมชนออนไลน์ที่เป็นแฟนคริปโตโลโก้น้องหมานี้ได้บังเกิดและเติบโตขึ้นนับจากนั้น
กระทั่งวันศุกร์ที่ผ่านมา (16) โดชคอยน์ได้ท้าทายความไม่น่าเป็นไปได้ทั้งหลายแหล่และกลายเป็นคริปโตที่มีมาร์เก็ตแคป 53,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยในช่วงเช้าวันศุกร์ โทเค็นหน้าชิบะทำสถิติสูงสุดที่ 45 เซ็นต์ และกลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลมูลค่าสูงสุดอันดับ 5 ของโลก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาโดชคอยน์พุ่งกระฉูด คริปโตสกุลนี้มีแนวโน้มเหวี่ยงเช่นเดียวกับสกุลอื่นๆ
ราคาโดชคอยน์เริ่มไต่ขึ้นในปี 2018 พร้อมกับคริปโตยอดนิยมหลายสกุล ก่อนที่จะหายไปจากจอเรดาร์ของนักลงทุน และกลับมาโลดลิ่วอีกครั้งเมื่อต้นปีจากแรงเชียร์ของกลุ่ม SatoshiStreetBets ในเรดดิตที่มีเป้าหมายดันราคาเงินดิจิตอล
ราคาโดชคอยน์เดินหน้าบวกอีกระลอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทะลุ 10 เซ็นต์เป็นครั้งแรกในวันพุธ (14)
ปัจจัยบวกรอบนี้มาจากอานิสงส์ของการจดทะเบียนในตลาดหุ้นของคอยน์เบส ผู้ให้บริการตลาดเทรดคริปโตที่ป็อปปูลาร์ที่สุดของอเมริกาเมื่อวันพุธ ซึ่งมีช่วงหนึ่งมาร์เก็ตแคปทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์ พลอยดันราคาบิตคอยน์และอีเธอร์พุ่งตามไปด้วย โดยบิตคอยน์ทำนิวไฮที่กว่า 64,000 ดอลลาร์ในวันพฤหัสฯ (15) ขณะที่อีเธอร์ทะลุ 2,500 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อเช้าวันศุกร์ และอานิสงส์นี้ส่งถึงราคาโดชคอยน์ด้วยเช่นกัน โดยมีข่าวว่า ฟีเจอร์เทรดคริปโตของโบรกเกอร์ออนไลน์ โรบินฮูด ล่มไปชั่วขณะเมื่อวันพฤหัสฯ เนื่องจากดีมานด์คริปโตหน้าชิบะหลั่งไหลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่รายงานข่าวจากบางสำนักบอกว่า ที่โดชคอยน์วิ่งจี๋รอบใหม่เป็นเพราะแรงเชียร์ของอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของเทสลา เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มัสก์ทวิตเกี่ยวกับโทเคนมีมสกุลนี้ ราคาเป็นพุ่งฉิวตลอด
วันพฤหัสฯ มัสก์ทวิตว่า “Doge Barking at the Moon” พร้อมโชว์ภาพ “Dog Barking at the Moon” ของศิลปินสเปนที่ชื่อว่า โจน ไมโร
ซีอีโอเทสลาพูดเสมอว่า โดชคอยน์เป็นคริปโตสุดโปรดและคริปโตของผู้คน นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้สนับสนุนสำคัญของบิตคอยน์ โดยก่อนหน้านี้เขาประกาศว่า เทสลาซื้อบิตคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ แถมไฟเขียวให้ลูกค้าซื้ออีวีของบริษัทด้วยบิตคอยน์
ขณะเดียวกัน เบน ฟิลลิปส์ นักลงทุนโดชคอยน์และยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 5 ล้านคน เชื่อว่า ราคาคริปโตชิบะจะขึ้นถึง 1 ดอลลาร์ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางคนเริ่มกังวลกับทวิตของมัสก์ที่มีอิทธิพลต่อทิศทางราคาคริปโต และบางคนออกมาเตือนเรื่องทวิตของเขาเกี่ยวกับโดชคอยน์ ตัวอย่างเช่น นิก คาร์เตอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งแคสเทิล ไอส์แลนด์ เวนเจอร์ส เตือนว่า นักลงทุนกำลังจะเจ๊งกับโดชคอยน์ที่เขามองว่าเป็น “เครื่องมือเก็งกำไร”
การพุ่งทะยานของราคาโดชคอยน์ยังกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดฟองสบู่ในตลาดคริปโต นักลงทุนบางคนมองบิตคอยน์เป็นฟองสบู่ของการเก็งกำไร เนื่องจากราคาคริปโตที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกสกุลนี้พุ่งขึ้นกว่าสองเท่านับจากต้นปี
เดวิด คิมเบอร์ลีย์ นักวิเคราะห์ของฟรีเทรด แอปการลงทุนในสหราชอาณาจักร บอกกับซีเอ็นบีซีว่า การพุ่งขึ้นของราคาโดชคอยน์เป็นตัวอย่างสุดคลาสสิกของทฤษฎีคนที่โง่กว่า เนื่องจากเหตุผลที่นักลงทุนแห่ซื้อไม่ใช่เพราะคิดว่าเงินดิจิตอลสกุลนี้มีค่า แต่เป็นเพราะหวังว่า คนอื่นๆ จะแห่ซื้อตามทำให้ราคายิ่งสูงขึ้น และตัวเองจะได้เทขายฟันกำไรอย่างรวดเร็ว
แต่คิมเบอร์ลีย์สำทับว่า เมื่อทุกคนทำแบบนั้น ในที่สุดฟองสบู่ก็จะแตก และคนที่ไหวตัวไม่ทันจะขาดทุนยับ ที่สำคัญคือ เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่า ฟองสบู่จะแตกเมื่อไหร่
อเล็กซ์ คัปซิเควิช นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการเงินของ FxPro ขานรับว่า นักลงทุนรายใหญ่มักนิยมคริปโตสกุลใหญ่ ขณะที่คริปโตสกุลอื่นๆ ที่ไม่ใช่บิตคอยน์ที่เรียกรวมกันว่า อัลต์คอยน์ (altcoin) มักดึงดูดนักลงทุนรายย่อย และเสริมว่า การที่ราคาโดชคอยน์ไต่ขึ้นเป็นเพราะดีมานด์จากนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก
ดังนั้น ความสนใจในเหรียญมีมนี้อาจเป็นเครื่องเตือนใจว่า ในกรณีที่มีการปรับฐานอย่างรวดเร็ว อัลต์คอยน์จะถูกเทขายหนักหน่วงกว่าคริปโตราคาแพงหลายเท่า