xs
xsm
sm
md
lg

สภานายจ้างชี้การจ้างงานเริ่มฟื้นหนุนคนละครึ่งเฟส 3-เร่งฉีดวัคซีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สภาองค์การนายจ้างชี้การว่างงานเลยพ้นจุดต่ำสุดแล้ วแนวโน้มการจ้างงานทยอยฟื้นตัวดีขึ้นจาก 3 ปัจจัย ทั้ง ศก.โลกเริ่มขยับ ผลจากเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ส่งออกดีขึ้น มาตรการรัฐอัดฉีดแรงงาน หนุนมาตรการคนละครึ่งเฟส 3 แนะรัฐวางไทม์ไลน์ฉีดวัคซีนคนไทยให้ชัดเจนขึ้นและเปิดทาง รพ.เอกชนนำเข้าเพื่อเร่งกระจายให้ทั่วถึงเร่งด่วนฟื้นท่องเที่ยว

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย)
เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของไทยในเดือนตุลาคม 2563 ถือว่าเป็นจุดต่ำสุดแล้วและขณะนี้มีสัญญาณจ้างงานเริ่มทยอยฟื้นตัวมากขึ้นโดยมาจาก 3 ปัจจัยหลักสำคัญ ได้แก่ 1. เศรษฐกิจโลกที่เริ่มจะฟื้นตัวจากการที่ทั่วโลกเริ่มทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 และเร่งอัดเงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป 2. การส่งออกของไทยเดือนก.พ.64 เริ่มเป็นบวก 1.78% แม้ 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) จะติดลบแต่พบว่ามีการนำเข้าโดยเฉพาะเครื่องจักรโต 2.39% วัตถุดิบ 24.4% บ่งชี้สต๊อกสินค้าเริ่มหมดลงทำให้ภาคผลิตเริ่มกลับมาผลิตเพิ่มขึ้น 3. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่มีส่วนช่วยหนุนกำลังซื้อคนในประเทศโดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่ได้รับความนิยมจากประชาชนสูงซึ่งขอสนับสนุนภาครัฐที่จะขยายไปสู่เฟส 3

“3 ปัจจัยดังกล่าวตัวชี้วัดว่าการจ้างงานจะฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของไทยยังต้องทำต่อไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่ประชาชนตอบรับมากเพราะเข้าถึงเศรษฐกิจฐานรากจริงๆ ส่วนโครงการอื่นๆ ก็ถือว่าดีแต่หากเป็นไปได้ชื่อโครงการอย่ามีมากประชาชนจะได้ไม่สับสนซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องทำควบคู่ไปกับการวางไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้คนไทยที่ชัดเจนด้วย” นายธนิตกล่าว

ทั้งนี้ แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต้องการให้ภาครัฐวางไทม์ไลน์ให้ชัดเจนแม้ว่าจะมีการนำเข้าวัคซีนมาแล้วและระบุถึงกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับการดูแลก่อนแต่ก็ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นกลุ่มไหนชัดเจน และเห็นว่าไม่ควรจะปิดกั้นโรงพยาบาลเอกชนหรือภาคเอกชนอื่นๆ ที่มีศักยภาพนำเข้ามาได้และไม่ไปแย่งโควตารัฐโดยผ่านมาตรฐานการดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อช่วยกระจายวัคซีนให้เร็วขึ้นเพราะภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะจ่ายเงินเองในการดูแลพนักงานเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้เร็ว เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 หากไทยฉีดได้ครอบคลุมเร็วการเปิดประเทศท่องเที่ยวระหว่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วได้หมดก็จะง่ายขึ้น

สำหรับอัตราการว่างงานของไทยปัจจุบัน หากยึดตัวเลขรัฐจะว่างงานเพียง 1.5% แต่หากยึดตัวเลขเอกชนอัตราการว่างงานโดยรวมยังคงอยู่ระดับ 1.2-1.5 ล้านคนและยังไม่รวมเด็กจบใหม่ที่จะเข้ามาอีกราว 5 แสนคน โดยหากไปพิจารณาการสมัครงานในเว็บไซต์จ็อบไทย (JOBTHAI) ความต้องการงานก็ยังกว่า 1.8 ล้านคน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าอัตราว่างงานของไทยก็ยังคงมีอยู่พอสมควร แม้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงไม่ได้กลับไปยังจุดเดิมก่อนที่จะมีโควิด-19 โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 40 ล้านคน ขณะที่ปี 2563 ลดเหลือเพียง 6.5 ล้านคน และปีนี้คาดว่าจะยังมีเพียง 3-4 ล้านคนเท่านั้นจึงทำให้แรงงานในภาคท่องเที่ยวและบริการยังคงไม่สามารถกลับมาได้มากนัก

“ผมคิดว่าการเปิดประเทศเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวยังไม่ง่ายนักในระยะนี้ โดยมองกันว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปีมากกว่า เพราะแต่ละประเทศย่อมจะยังไม่เปิดให้คนของตนเองเดินทางมากนัก โดยหากจะเปิดก็ย่อมมองในเรื่องการฉีดวัคซีน-19 จนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ และรอผลการฉีดว่าได้ผลจริง และเมื่อพบว่าป้องกันได้แล้วก็จะต้องหาประเทศจับคู่ที่มีการฉีดทั้งหมดเช่นกัน” นายธนิตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น