แหล่งข่าวแย้มเสียวหมี่คิดแตกไลน์ผลิตอีวี โดยกำลังทาบทามขอใช้โรงงาน รวมทั้งขอคำปรึกษาด้านวิศวกรรมจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ กำหนดเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรกภายในปี 2023 นับเป็นบริษัทไฮเทครายล่าสุดที่โดดลงแข่งในสนามสมาร์ทโมบิลิตี้
เสียวหมี่ หนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังคุยกับเกรท วอลล์ เรื่องการใช้โรงงานแห่งหนึ่งในจีนของฝ่ายหลังเพื่อขึ้นสายการผลิตรถไฟฟ้า (อีวี) ภายใต้แบรนด์เสียวหมี่ ซึ่งตั้งเป้าส่งขายในตลาดแมสส์
แหล่งข่าว 1 ใน 3 บอกว่า เกรท วอลล์ ซึ่งยังไม่เคยรับผลิตรถให้บริษัทอื่นมาก่อน จะให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมเพื่อให้โปรเจ็กต์อีวีของเสียวหมี่รุดหน้าเร็วขึ้น และทั้งสองบริษัทมีแผนประกาศข่าวการร่วมมือนี้อย่างเร็วที่สุดก่อนสิ้นเดือนมีนาคม
แผนการนี้เกิดขึ้นขณะที่เสียวหมี่ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อ 8 ปีที่แล้ว กำลังหาลู่ทางเพิ่มแหล่งรายได้นอกเหนือจากธุรกิจสมาร์ทโฟนที่แม้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแต่มีส่วนต่างกำไรบางเฉียบ โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนแดนมังกรแห่งนี้ออกมาเตือนเรื่องต้นทุนที่พุ่งขึ้นจากปัญหาชิปขาดตลาดทั่วโลก พร้อมรายงานรายได้ประจำไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
ความเคลื่อนไหวนี้ยังมีขึ้นขณะที่บรรดาค่ายรถและบริษัทเทคโนโลยีหันมาร่วมมือกันใกล้ชิดขึ้นเพื่อพัฒนารถอัจฉริยะขั้นสูงยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี อาทิ ห้องโดยสารอัจฉริยะและระบบขับขี่อัตโนมัติ
เดือนมกราคมที่ผ่านมา ไป่ตู้ ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจิ้นชั้นนำของจีน เปิดแผนผลิตอีวีโดยใช้โรงงานของจีลี่ บริษัทรถยนต์ร่วมชาติ รอยเตอร์ยังรายงานว่า บริษัทสมาร์ทโฟนเบอร์ใหญ่ทั้งแอปเปิล และหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ต่างหมายมั่นกระโจนลงสู่สนามรถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
เหลย จุน ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารเสียวหมี่ เชื่อว่า ความเชี่ยวชาญในการผลิตฮาร์ดแวร์ของบริษัทจะช่วยเร่งรัดการออกแบบและผลิตรถไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
อนึ่ง นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว เสียวหมี่ยังผลิตอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตนับสิบประเภท เช่น สกูตเตอร์ เครื่องฟอกอากาศ และหม้อหุงข้าว
แหล่งข่าวสำทับว่า เสียวหมี่มีแผนเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรกในราวปี 2023 โดยจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ภายในระบบนิเวศของบริษัท
สำหรับเกรท วอลล์นั้นเป็นผู้ผลิตปิ๊กอัพรายใหญ่สุดในแดนมังกร ปีนี้เพิ่งออกแบรนด์รถไฟฟ้าและรถอัจฉริยะ รวมทั้งกำลังร่วมกับบีเอ็มดับเบิลยูของเยอรมนีสร้างโรงงานอีวีในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถไฟฟ้าใหญ่ที่สุดของโลก เฉพาะปี 2020 ทำยอดขายมากกว่าในอเมริกาถึง 1 ล้านคันโดยประมาณ หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการสนับสนุนของปักกิ่งที่ทุ่มทุนอย่างน้อย 60,000 ล้านดอลลาร์ และผลักดันแผนการใหญ่ในการเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบหรือรถไฮบริดภายในปี 2035
ปีที่ผ่านมา เกรท วอลล์ทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 1.11 ล้านคัน จากรถหลายรุ่นที่ได้รับความนิยมล้นหลาม เช่น ปิ๊กอัพพี-ซีรี่ส์ และออรา อีวี และขณะนี้อยู่ระหว่างการสร้างโรงงานแห่งแรกในไทย