ก๋วยเตี๋ยว เมนูที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่การดัดแปลงเมนูก๋วยเตี๋ยวให้แตกต่างสร้างจุดขายก็ทำกันไปหมดแล้ว ทำให้ “เฮียอ๋า” หรือ “นายชาตรี สุขสุมิตร” เจ้าของ “เตี๋ยวหมูรถตู้” กลับมาคิดหาไอเดียแปลกใหม่เพื่อจะมาสร้างจุดขายแข่งขันกับคนขายก๋วยเตี๋ยวที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้อย่างไร และสุดท้าย มาลงตัวที่ “เตี๋ยวแห้งกระทะร้อน” เจ้าแรกในไทย ได้อย่างไร
จุดเริ่มต้นของ เมนูกระทะร้อนของร้านริมทาง
การแจ้งเกิดของก๋วยเตี๋ยวแห้งกระทะร้อนของ “เฮียอ๋า” ครั้งนี้ เริ่มมาจากความตั้งใจบวกกับความบังเอิญที่ลงตัวพอดี บวกกับความไม่หยุดคิดของพ่อค้าตัวเล็กๆ คนนี้ ทำให้เขาสามารถแจ้งเกิดและยกระดับสตรีทฟู้ด จนมีการกล่าวถึงกันมาก และมีสื่อหลายสำนัก ให้ความสนใจนำเมนู เตี๋ยวแห้งกระทะร้อนของ “เฮียอ๋า” ไปนำเสนอ
นายชาตรี (เฮียอ๋า) เล่าถึงที่มาของการทำก๋วยเตี๋ยวแห้งกระทะร้อนในครั้งนี้ ว่า เริ่มขึ้นเมื่อวันหนึ่งเพื่อนซึ่งทำโรงงานกระทะร้อน เขาก็มาชักชวนให้ลองเอากระทะร้อนมาลองใส่ก๋วยเตี๋ยวแห้งดู เพราะปกติเมนูก๋วยเตี๋ยวแห้งที่ร้านของผมก็เป็นเมนูที่ขายดีมีคนสั่งกินกันเยอะอยู่แล้ว ซึ่งจุดขายอยู่ตรงน้ำซอสปรุงรสในก๋วยเตี๋ยแห้งที่ผมปรุงขึ้นมาเองเป็นสูตรเฉพาะของเรา ซึ่งไปกินที่อื่นๆไม่ได้รสชาตินี้ ทำให้ปกติเมนูก๋วยเตี๋ยแห้งของที่ร้านขายดี กว่า เมนูอื่นๆ เรียกว่า เป็นจุดขายของ เตี๋ยวหมูรสตู้
ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อนก็เลยมองว่า ถ้าอย่างนั้นก็ลองเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวแห้งแบบร้อนๆในกระทะร้อน น่าจะทำให้ลูกค้ากินได้อร่อยมากขึ้น และขายได้มากขึ้น ตอนนั้นก็ทำกินเอง และทำให้เพื่อนกินก่อน ทุกคนชื่นชอบ ก็เลยเพิ่มลงไปเป็นอีกหนึ่งเมนูของร้าน ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก ซึ่งราคาปรับเพิ่มขึ้นไม่มากจากเมนูก๋วยเตี๋ยวแห้งปกติ ขาย 40 บาท เพิ่ม 10 บาท และถ้าใส่ไข่เพิ่มอีก 10 บาท เป็น 60 บาท
ในส่วนของขั้นตอนการปรุงเตี๋ยวแห้งกระทะร้อนของ “เฮียอ๋า” ถ้าดูแบบไม่ได้ตั้งใจอะไร ก็จะดูว่ามันคล้ายกับการทำก๋วยเตี๋ยวแห้งปกติ แต่ต่างกันตรงที่เสิร์ฟในกระทะร้อน ขั้นตอนเริ่มที่ นำกระทะไปตั้งไฟให้ร้อน ระหว่างนั้นปรุงก๋วยเตี๋ยว ปรุงน้ำซอส ก่อนที่มาราดบนเส้น ผัก เนื้อหมูสด หมูตุ๋น ตับ และ ลูกชิ้น ที่เขาลวกใส่ในกระทะร้อนรอเอาไว้ ก่อน และนำน้ำซอสที่ปรุงใหม่แบบชามต่อชามมาราด และถ้าลูกค้าต้องการไข่ลวก ทางร้านจัดไข่ลวกแบบออนเซ็น เสิร์ฟลงมาให้ในกระทะ และนำมาเสิร์ฟพร้อมกับถั่วป่น มะนาว และน้ำซุป
ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ร้านริมทางแจ้งเกิดได้
นายชาตรี บอกว่า ปกติเมนูกระทะร้อนไม่ได้มีแค่ก๋วยเตี๋ยว แต่ทางร้านก็ยังมีเมนูตามใจพ่อค้า ที่ต้องตั้งชื่อว่า “เมนูตามใจพ่อค้า” เพราะในแต่ละวันพ่อค้าจะได้วัตถุดิบมาไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องตามใจพ่อค้า แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เชื่อใจในความช่างคิด บวกกับรสมือ ว่า ถ้าสามารถทำตามใจ “เฮียอ๋า” จะได้กินเมนูอร่อย ก็เลยทำให้เมนูตามใจพ่อค้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับเมนูอื่นๆ ของทางร้าน
อย่างไรก็ตาม ก๋วยเตี๋ยวหมูที่ทางร้านขายมากว่า 20 ปี ก็ยังคงเป็นเมนูที่ลูกค้าสั่งมากกว่า ในกลุ่มเมนูกระทะร้อน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของ “เฮียอ๋า” เป็นลูกค้าประจำ และเป็นพนักงานที่ทำงานในย่านนั้น มากินช่วงเวลาพัก ซึ่งมีเวลาไม่มาก เขาก็เลือกกินเมนูง่าย ที่สำคัญต้องประหยัดเงินในกระเป๋า ด้วย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด ลูกค้าของ “เฮียอ๋า” เองก็หายไปจำนวนหนึ่งเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ เพราะลูกค้าบางคนก็ตกงานก็ไม่ได้มากิน หรือบางคนก็มีตัวเลือกอื่นๆ ส่วนเมนูกระทะร้อน ส่วนใหญ่จะขายดีในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ได้ลูกค้ามากันเป็นครอบครัว
เมนูกระทะช่วยดึงยอดขายในช่วง โควิด
สำหรับยอดขาย หลังจากทางร้านทำ “เตี๋ยวแห้งกระทะร้อน” และเมนูอื่นๆ ของกระทะร้อนเพิ่มขึ้นมา ส่งให้ยอดขายที่น่าจะตกไปตามสถานการณ์โควิด และภาวะเศรษฐกิจ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นมา หลังจากสื่อเผยแพร่เมนูเตี๋ยวแห้งกระทะร้อนออกไป หลายคนไม่เคยรู้จัก “เตี๋ยวรถตู้” เขาก็ได้มารู้จัก มีลูกค้าจากพื้นที่ไกลๆเดินทางมาเพื่อมาชิมเมนูกระทะร้อนของทางร้าน รวมถึงยอดขายในส่วนของช่องทางออนไลน์ ที่สั่งผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วย
จากหนุ่มอยุธยา เข้าเมืองหลวงขายก๋วยเตี๋ยวมอไซต์พ่วงข้าง
นายชาตรี เล่าว่า เดิมเขาเป็นคนอยุธยา และเข้ามากรุงงเทพฯ เพื่อมาขายก๋วยเตี๋ยว โดยตระเวนขายใส่มอเตอร์ไซต์พ่วงข้าง เหมือนรถขายก๋วยเตี่ยวทั่วไป ตอนนั้น ผมอายุแค่ 25 ปี ก๋วยเตี๋ยวที่ขายเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ช่วงเริ่มต้นชามละ 20 บาท ก็ขายดีอยู่นะ วันหนึ่งก็ขายได้เป็น 100 ชาม และวันหนึ่งผมได้รู้จักกับผู้มีพระคุณ เขาเป็นคนดูแลวินรถมอเตอร์ไซต์ในย่านนั้น เขาให้เราเอารถมาจอดขายประจำได้ ตรงปากซอย ศรีนครินทร์ 59 ผมก็เลยไปซื้อรถตู้มือสองมา และทำให้มันดูเก่า ออกแนววินเทจ เพราะในช่วงนั้น กระแสวินเทจกำลังมา ก็เริ่มขายเป็นชื่อ "เตี๋ยวรถตู้" ขายในรถตู้ ถึงวันนี้ก็ประมาณ 7-8 ปี
ในช่วงแรกคนมองเข้ามาว่า รถตู้ดูเก่า เขาไม่กล้ากินกังวลว่าเราจะทำไม่สะอาด แต่พอได้มาแวะกินเขาก็จะบอกเหมือนกันว่าไม่เห็นเหมือนกับภาพที่เขาเห็น เพราะว่าเราทำสะอาด การทำอาหารขายต้องสะอาดอยู่แล้ว ถ้าไม่สะอาด ถึงอร่อยก็ไม่มีคนกิน พอคนรู้จักมากขึ้นหลังจากได้ชิมก็ไม่ได้มองแค่ภาพลักษณ์ภายนอก และถ้าเขาชอบก็มาเป็นลูกค้าประจำกัน เพราะราคาเราไม่แพง อย่าง เมนูพิเศษ กระทะร้อนตามใจพ่อค้า เราก็จัดให้เต็มที่ในราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท ก๋วยเตี๋ยวถ้าเป็นกระทะร้อนเริ่มต้นที่ 60 บาท
ต่อยอดสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ สานต่ออนาคตให้กับลูก...
นายชาตรี ยังบอกว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้เขาเห็นคนตกงานเยอะขึ้น ลูกค้าของเขาเองก็มี และมีคนมาถามหาอยากซื้อสูตร ให้เราไปสอนทำก๋วยเตี๋ยว และประกอบกับเราก็อยากจะสร้างอาชีพทิ้งไว้ให้กับลูกต่อไปในอนาคต ก็เลยตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์ โดยถ่ายทอดการก๋วยเตี๋ยวให้ทั้งหมด พร้อมกับสอนสูตรต่างๆ ในราคา 35,000 บาท หรือ ถ้าคนที่ต้องการอุปกรณ์ ให้เราจัดการให้หมดเราคิด 200,000 บาท ไม่รวมราคารถตู้ แฟรนไชส์ สามารถใช้ชื่อ เตี๋ยวรถตู้ได้เลย โดยข้อผูกมัดมีเพียงอย่างเดียว คือ ซอสปรุงก๋วยเตี๋ยวแห้งกระทะร้อน และ ซอสกะเพรา ที่ลูกค้าจะต้องสั่งซื้อกับเรา เพราะเราเชื่อว่า ถ้าลูกค้าได้ใช้ซอสของเราเขาจะทำออกมาได้รสชาติเหมือนกับ เราทำ
ความสุขไม่ใช่แค่เงิน แต่คือการทำอาหารอร่อย ปลอดภัยให้ลูกค้า
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของ “เฮียอ๋า เตี๋ยวหมูรถตู้” ในวันนี้ มันก็อาจจะเทียบไม่ได้กับคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร ซึ่งมีหลายสาขามีรายได้หลายหลักล้านบาท แต่ความสำเร็จของ “เฮียอ๋า” คือ การที่เขาได้ออกแบบเมนูให้ลูกค้ามีความสุขกับการรับประทานอาหารแบบสตรีทฟู้ด ได้กินอาหารที่อร่อย ประหยัด และสะอาด มาพร้อมกับอัธยาศัยที่ดีของ พ่อค้า ที่ให้การต้อนรับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมไม่ว่า คุณจะเป็นใครมาจากไหน ในราคามิตรภาพ
ติดต่อ FB: เตี๋ยวหมู รถตู้ เตี๋ยวแห้ง กระทะร้อนเจ้าแรกในไทย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
SMEs manager
