xs
xsm
sm
md
lg

แสนสิริโชว์ยอดโอนปี 63 ทะลุ 45,000 ล้าน โตจากปีก่อน 45%

เผยแพร่:


อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
แสนสิริ แจงปี 63 สุดพีกปิดการขาย 35 โครงการ กวาดยอดขายรวมกว่า 64,600 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนคอนโด 25,500 ล้านบาท โต 50% และยอดโอนแนวราบ 19,500 ล้านบาท โต 39% จากปีก่อน ด้านยอดโอนทะลุ 45,000 ล้านบาท เติบโต 45% แจงยอดพรีเซลล์แบ็กล็อกในมือกว่า 24,000 ล้านบาท รองรับความแข็งแกร่งในทุกสภาวการณ์ เผยกลยุทธ์สร้างการเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ-โควิด-19 เดินเกมเร็วด้วย “Speed to Market” และโปรโมชันที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” รวมทั้งการบริหารเงินสดที่ดี “Cash is King” ด้วยการกำสภาพคล่องในมือถึง 15,000 ล้านบาท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ในปี 63 ที่ผ่านมา แสนสิริประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวเศรษฐกิจและสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านการขายและโอนโครงการ สามารถสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 64,600 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังสามาถสร้างยอดโอนจากโครงการพร้อมอยู่กว่า 45,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 45% ซึ่งสูงเกินจากเป้าหมายใหม่ที่มีการปรับล่าสุดในช่วงปลายปี คือ 43,000 ล้านบาท

โดยยอดโอนดังกล่าวแบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการคอนโดมิเนียม 25,500 ล้านบาท โตจากปีก่อนถึง 50% และยอดโอนโครงการแนวราบ 19,500 ล้านบาท โตขึ้น 39% จากปีก่อน ซึ่งมาจากการปิดการขายและโอนโครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection ด้วยกันถึง 3 โครงการ คือ 98 Wireless แฟล็กชิปคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี บ้านแสนสิริ พัฒนาการ แฟล็กชิปบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ลักชัวรีคอนโดใจกลางย่านทองหล่อ และโครงการลักชัวรีแนวราบ ได้แก่ ไทเกอร์ เลน ลักชัวรีโฮมออฟฟิศบนที่สุดของทำเลทอง ไพรม์โลเกชันตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกร ที่หายากใจกลางย่านเสือป่า เยาวราช และปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวนาราสิริ บางนา และนาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1 เป็นต้น

“ความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมา มาจากความพร้อมด้วยแผนปรับเปลี่ยนรับมือสถานการณ์ตลาดตลอดเวลา นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แสนสิริยังมีการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ด้วยกลยุทธ์ “Speed to Market” เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด ขยับและเดินเกมเร็วนำหน้าคู่แข่งด้วยกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง นำเสนอโปรโมชันที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า เช่น “มีเงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาทก็เป็นเจ้าของสิริ เพลส ได้ง่ายๆ” โปรโมชัน “โปรลื่นปรื้ด” รวมทั้งแคมเปญที่พัฒนาจาก Customer Insight “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” และการรุกการขายในทุกช่องทาง ผ่าน Multi-channel เพื่อตอบโจทย์คนอยากมีบ้านในยุคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี รวมถึงการบริหารเงินสดในมือที่ดี (Cash is King) ด้วยการกำสภาพคล่องในมือถึง 15,000 ล้านบาท ส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ มีความมั่นคงด้านการเงินจากการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนที่ดีสวนสภาวะตลาด”

นายอุทัย กล่าวว่า นอกจากนี้ยอดขายและยอดโอนที่ประสบความสำเร็จยังมาจากความแข็งแกร่งของแสนสิริ ในการเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ในทุกระดับราคา สะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของคนอยากมีบ้านด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัย และความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ ยืนหนึ่งความเป็นผู้นำตัวจริงด้านการอยู่อาศัย ด้วย 2 รางวัลคุณภาพ ทั้งจาก Marketeer : No.1 Brand Thailand ปี 2019-2020 ขึ้นแท่นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโด และรางวัลจาก Terra BKK : The Most Powerful Real Estate Brand 2020 รักษาแชมป์ 3 ปีซ้อน

“ทั้งนี้ในระยะยาวบริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 19,800 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 4,200 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 66 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดีและเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ” นายอุทัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น