xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวเกรียบปลา (กรือโป๊ะ) ตรานัสรีน ต่อยอดวิสาหกิจชุมชนสู่โมเดิร์นเทรด ยอดขาย 3.5 ล้านบาทต่อเดือน

เผยแพร่:



ข้าวเกรียบปลาทั่วไปใช้ปลาเล็กปลาน้อยนำมาผลิตเป็นข้าวเกรียบปลา แต่ของแบรนด์ นัสรีน ใช้ปลาทูและปลาโอ มาเป็นส่วนผสมหลักถึง 70% ซึ่งจากวิสาหกิจชุมชนที่เคยผลิตน้ำส้มเกร็ดหิมะขายแต่ไม่สามารถต่อยอดได้ไกลจึงเปลี่ยนแนวคิด นำเอาวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างเป็นแบรนด์และแปรรูปปลาให้ออกมาในรูปแบบของข้าวเกรียบปลา (กรือโป๊ะ) การันตีด้วยการเข้าร่วมโครงการต่างๆ และได้มาตรฐาน รวมถึงส่งออกต่างประเทศได้ยอดขายเดือนละ 3.5 ล้านบาท

อารียา หะยีมะเด็ง ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มบุหงารายา ผลิต ข้าวเกรียบปลาทอดกรอบ (กรือโป๊ะ) ตรานัสรีน
อารียา หะยีมะเด็ง ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มบุหงารายา ผลิต ข้าวเกรียบปลาทอดกรอบ (กรือโป๊ะ) ตรานัสรีน เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบปลาทอดกรอบนั้น เริ่มจากการที่จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มบุหงารายา โดยดำเนินการด้วยการผลิตน้ำส้มเกร็ดหิมะ ใช้เวลาประมาณ 5 ปี และได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีในชุมชน หลังจากนั้นเป้าหมายที่ตั้งไว้น้ำส้มเกร็ดหิมะไม่สามารถไปได้ไกลไม่สามารถต่อยอดไปได้อีก ประจวบกับตนเองเป็นคนชอบกิน กรือโป๊ะ หรือข้าวเกรียบปลาและเป็นสินค้าเด่นประจำจังหวัดปัตตานีและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้ตนเกิดความคิดที่จะต่อยอดกรือโป๊ะและส่งออกต่างประเทศได้ ซึ่งในปี 2558 ได้มีการจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ลียาฮาลาลฟู้ดส์ และผลิตข้าวเกรียบปลาให้เกิดความแตกต่างโดยการสร้างคุณค่าให้มีระดับมากยิ่งขึ้น


ทั้งนี้ข้าวเกรียบปลานั้นจากเดิมชาวบ้านใช้ปลาเล็กปลาน้อยมาเป็นส่วนผสมในการทำข้าวเกรียบปลา แต่ทางแบรนด์เลือกใช้ปลาทูและปลาโอ เพราะว่าปลาทูจะให้คุณค่าทางโปรตีนสูงกว่าปลาชนิดอื่น โดยใช้เนื้อปลาประมาณ 70% ส่วน 30% ที่เหลือจะเป็นแป้งมัน แป้งสาคู เกลือและน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งมีรสชาติที่หลากหลาย เช่น รสดั้งเดิม สาหร่ายสไปซี่ กระเทียมพริกไทยดำที่เป็นแบบแผ่น ส่วนแบบแท่งจะมีรสชาติ ต้มยำ สไปซี่และกระเทียมพริกไทยดำ ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 รสชาติ แบบแผ่น 4 รส แบบแท่ง 4 รส นอกจากนี้จุดประสงค์ของการสร้างแบรนด์คือการยกระดับสินค้าให้เข้าสู่สากลและส่งสู่โมเดิร์นเทรดให้ได้ รวมถึงได้มีการโปรโมทสินค้าด้วยการออกบูธโชว์สินค้าในงานต่างๆ เพื่อกระจายข้อมูลสู่สายตาลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ได้เข้าร่วมโครงการสร้างแบรนด์ โดยมีการสร้างโลโก้ สร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่น ทำให้โลโก้ของข้าวเกรียบปลาจะมีลายลังกาสุกะอยู่บนแพคเกจจิ้งเพื่อสื่อถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของอาณาจักรลังกาสุกะที่มีของจังหวัดปัตตานี หลังจากสร้างแบรนด์ก็ได้มีการออกบูธตามโมเดิร์นเทรดต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งต่างประเทศจะมีที่ประเทศจีน ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย หลังจากนั้นก็จะมีออเดอร์แรกจากประเทศจีนได้มาเพราะมีโอกาสไปออกบูธที่งาน Thai Flex ส่งไปจีนประมาณ 5 ตู้ ไต้หวัน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันส่งไปประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหลัก


ปัจจุบันข้าวเกรียบปลาทอดกรอบมีวางขายในเซเว่นอีเลฟเว่น 5 สาขาในจังหวัดสงขลา Max Vallu ในกรุงเทพมหานครทุกสาขา Tops Market และ Big C 14 สาขาในภาคใต้ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ราคาอยู่ที่ซองละ 35 บาท ขนาด 65 กรัม ทำให้ผลตอบรับจากลูกค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งกลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้น ทางแบรนด์ได้มีการออกโปรโมชั่นหรือร่วมแคมเปญใหม่ๆ กับลูกค้า เช่น แพลตฟอร์มลาซาด้าและช็อปปี้ และสร้างคอนเทนต์จากเพจเฟซบุ๊กเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ เถาเป่า ของประเทศจีน


สำหรับข้าวเกรียบปลาแบบแผ่นนั้น ส่วนมากลูกค้าจะนิยมซื้อรสสไปซี่ ส่วนแบบแท่งจะนิยมซื้อรสต้มยำและลูกค้าออนไลน์จะนิยมซื้อมากกว่าซื้อหน้าร้าน ซึ่งยอดซื้อออนไลน์ประมาณ 70% หน้าร้าน 30% และเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี นอกจากนี้การส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นจะเป็นการส่งแบบแผ่นดิบเพราะทางประเทศญี่ปุ่นจะนำไปเปลี่ยนเป็นชื่อแบรนด์ตัวเองแต่ตนเป็นผู้ผลิตที่ส่งออกให้ ยอดการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อเดือน และได้มีการตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 ไว้ที่ 100 ล้านบาท ส่วนปี 2563 ที่ผ่านมา ยอดการขายอยู่ที่ 20 ล้านบาท


ปัจจุบันเริ่มดำเนินธุรกิจเพื่อต่อยอดสินค้าให้แปลกใหม่อยู่เสมอด้วยการเพิ่มรสชาติใหม่ๆเข้ามา เช่น รสหม่าล่า ฮอตแอนด์สไปซี่ และพิซซ่า ส่วนกรือโป๊ะสดจะมีการสเตอริไลซ์หรือการทำให้ปลอดเชื้อ รวมถึงขยายกำลังการผลิตในส่วนของญี่ปุ่นเป็น 2 เท่า และวางแผนพัฒนาและปรับปรุงในส่วนของโรงงานผลิตให้ได้มาตรฐานและรองรับการผลิตมากยิ่งขึ้น ซึ่งใน 1 วันตอนนี้สามารถผลิตได้ประมาณ 2,500 กิโลกรัมสำหรับข้าวเกรียบที่กำลังอบ แต่เมื่ออบเสร็จแล้วจะเหลือประมาณ 1,500 กิโลกรัม เพราะความชื้นที่หายไปทำให้น้ำหนักเบาลง


ทั้งนี้ ข้าวเกรียบปลา (กรือโป๊ะ) ตรานัสรีนนั้นยังได้เข้าร่วมโครงการปั้นดาว ปี 2563 ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ซึ่งดำเนินการโดยวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ยกระดับกระบวนการผลิตมาใช้เครื่อง Bioler จากเดิมใช้อ่างตราหัวม้าลายธรรมดาซึ่งไม่ตอบสนองกับยอดการผลิตในปัจจุบัน และโครงการพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด ในปี 2561 ดำเนินการโดย ISMED ที่ได้มีการให้คำปรึกษาด้านการตลาดและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้กับทางแบรนด์อีกด้วย นอกจากนี้หลังจากเข้าร่วมโครงการดังกล่าวทำให้ผลประกอบการดำเนินธุรกิจนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตามในอนาคตทางแบรนด์ได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจข้าวเกรียบปลา (กรือโป๊ะ) ให้ไปในทิศทางของการต้องการเป็นผู้นำในเรื่องของข้าวเกรียบปลาแบบครบวงจร เพราะข้าวเกรียบปลามีทั้งดิบและสุก ซึ่งในส่วนของข้าวเกรียบที่ดิบนั้นสามารถนำไปทำเป็นโปรดักส์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น กรือโป๊ะสด คล้ายปลาเส้น สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย กรือโป๊ะแผ่นดิบนำเอาไปทอด คั่วหรืออื่นๆ และกรือโป๊ะพร้อมทานที่ทางแบรนด์ผลิตออกมา รวมถึงพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เติบโตและรองรับความต้องการของลูกค้าได้

ติดต่อเพิ่มเติม

Facebook : Fish Crisp Nasreen ข้าวเกรียบปลานัสรีน




















* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น