xs
xsm
sm
md
lg

ถอดบทเรียนโควิดเกาหลีใต้ มั่นใจเกินไปเป็นเหตุ!!

เผยแพร่:


ความมั่นใจมากเกินไปทำให้เกาหลีใต้แทบกระอักเมื่อเจอไวรัสระลอกสาม
ต้นปีนี้ นานาชาติต่างปรบมือให้เกาหลีใต้ที่สามารถสยบโควิดอย่างรวดเร็วด้วยมาตรการภาคสนามเชิงรุก ระบบไฮเทคติดตามผู้สัมผัสโรคที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลพิกัดตำแหน่งบนมือถือ บันทึกการใช้บัตรเครดิต ภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลอื่นๆ เพื่อติดตามและกักตัวผู้ติดเชื้อ

แต่หลังจากภาคภูมิใจมาตลอดช่วงฤดูร้อนว่า มาตรการจัดการโควิดของตัวเองเป็นโมเดลสำหรับทั่วโลก ตอนนี้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยอมรับว่า ความสำเร็จเหล่านั้นกลายเป็นดาบสองคมบ่มเพาะความมั่นใจเกินไปจนปล่อยให้ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดรอบสามที่รุนแรงกว่าสองระลอกแรกหลายเท่า

จากการสัมภาษณ์บุคลากรด่านหน้าที่ต้องต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ประเด็นที่คนเหล่านี้บอกกับรอยเตอร์คือ ความผิดพลาดมหันต์ของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการไม่ลงทุนอย่างเพียงพอกับบุคลากรและการฝึกอบรมโปรแกรมการติดตามผู้สัมผัสโรค เกณฑ์โรงพยาบาลเอกชนมาช่วยช้าเกินไป นโยบายเว้นระยะห่างทางสังคมไม่เด็ดขาด และความชักช้าในการจัดซื้อและฉีดวัคซีนให้ประชาชน

ในส่วนการใช้เครื่องมือดิจิตอล เกาหลีใต้พึ่งพิงบุคลากรทางการแพทย์ของรัฐและหมอที่เกณฑ์มา อย่างเช่น จาง ฮานารัม ที่เพิ่งเรียนจบแพทย์ไม่นานและตอนนี้ทำหน้าที่ติดตามผู้สัมผัสโรคแทนการเกณฑ์ทหาร

จางบอกว่า พวกที่ถูกเกณฑ์มาแบบเขาหรือหมอของรัฐต้องทำงานหนักมากแต่ค่าตอบแทนต่ำ จึงมีคนวนเวียนเข้า-ออกอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ขณะที่คนใหม่ๆ ได้รับการอบรมน้อยมากหรือไม่ได้อบรมเลย

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 52,550 คน และสถิติสูงสุดรายวัน 1,097 คนของเกาหลีใต้ยังถือว่า ต่ำมากเมื่อเทียบกับอเมริกาและยุโรป แต่การระบาดระลอกใหม่ในขณะนี้ทั้งยืดเยื้อและลามไปทั่วมากกว่าสองระลอกแรก อีกทั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ป่วยบางคนตายก่อนจะมีเตียงว่าง และจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาไม่หายมีมากกว่าช่วงที่ไวรัสระบาดหนักสุดในเดือนมีนาคมเกิน 2 เท่า

ลี แจ-มย็อง ผู้ว่าราชการจังหวัดคย็องกี บอกว่า แม้มีคำเตือน แต่คนมากมายมั่นใจและมองโลกแง่ดีเกินไป

เมื่อถามว่า แล้วรัฐบาลมั่นใจเกินไปด้วยหรือเปล่า ยุน แต-โฮ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณสุขยอมรับว่า มีบางส่วนที่รัฐบาลควรตอบสนองเร็วกว่านี้ ซึ่งรวมถึงการระดมทรัพยากรทางการแพทย์จากช่องทางต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เขาสำทับว่า รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาและเขามั่นใจว่า เกาหลีใต้จะจัดการกับการระบาดระลอกสามได้ ถ้ารัฐบาล ทีมแพทย์ และประชาชนร่วมมือร่วมใจกัน

การระบาดครั้งนี้ยังต่างจากสองครั้งก่อนที่กระจุกอยู่ในกิจกรรมหรือองค์กรเฉพาะเท่านั้น เช่น โบสถ์หรือไนต์คลับ แต่ปัจจุบัน เกาหลีใต้ต้องเผชิญการระบาดแบบกลุ่มก้อนที่กระจายไปทั่ว เช่น ร้านอาหารและสำนักงานซึ่งติดตามผู้สัมผัสโรคยากขึ้น และเกือบ 1 ใน 3 หาที่มาที่ไปไม่ได้

ข้อมูลของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีเอ็นเอ) ระบุว่า นับจากไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด เกาหลีใต้มีเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคเพิ่มจาก 130 คน เป็น 305 คน

ยุน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณสุข เสริมว่า เมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลได้เกณฑ์ตำรวจและทหารมาช่วย แต่คงต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมระยะหนึ่ง

ลิม ซึง-ควาน หัวหน้าทีมเฉพาะกิจฉุกเฉินรับมือโควิด-19 ในจังหวัดคย็องกี เชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะพิจารณายกเลิกการติดตามผู้สัมผัสโรคขนาดใหญ่มาเป็นการสำรวจทางระบาดวิทยาแบบกำหนดเป้าหมายมากขึ้นแทน เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการระบาดที่เฉพาะเจาะจงและปล่อยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ไปดูแลผู้ป่วย

ลี ผู้ว่าราชการจังหวัดคย็องกีและสมาชิกพรรคเดโมเครติกของประธานาธิบดีมุน แจ-อิน เห็นด้วยว่า เกาหลีใต้ไม่สามารถพึ่งพิงการติดตามผู้ติดเชื้อทุกคนได้อีกต่อไป และเรียกร้องให้ปรับใช้มาตรการที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น การตรวจคนจำนวนมากในพื้นที่เฉพาะเจาะจง และใช้ชุดตรวจเชื้อไวรัส (antigen) ที่แม้แม่นยำน้อยกว่าแต่รู้ผลเร็วกว่าสำหรับการตรวจคัดกรอง

ลีสำทับว่า การมั่นใจมากเกินไปทำให้ต้องยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไรก็ตาม เขามองว่า การเพิ่มมาตรการเข้มงวดชั่วคราวจะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายน้อยลง

เกาหลีใต้ยังไม่เคยล็อกดาวน์มาก่อน แถมเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งแจกบัตรกำนัลชักชวนประชาชนเที่ยวภายในประเทศ นายกรัฐมนตรียังบอกว่า การปรับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมสู่ระดับสูงสุดจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเศรษฐกิจ

ทว่า สัปดาห์นี้ ลีและผู้นำคนอื่นๆ ในโซลและอินชอนที่ไม่พอใจรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจมากกว่าการหยุดยั้งโรคระบาด ได้ประกาศจำกัดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมเข้มงวดขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่

มา ซัง-ฮย็อก รองประธานโคเรียน วัคซีน โซไซตี้ บอกว่า ความชะล่าใจมีผลต่อการกำหนดนโยบายวัคซีนของเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน โดยสถิติผู้ติดเชื้อรายวันที่เริ่มนิ่งในช่วงฤดูร้อนทำให้รัฐบาลดูเบาโรคระบาดและคิดว่า สามารถจัดการได้โดยไม่ต้องอาศัยวัคซีน

หลังจากถูกถล่มยับว่า ใจเย็นเกินไปจากการเปิดเผยว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมปีหน้า ซึ่งล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ หลายเดือน ในที่สุดเมื่อวันอังคาร (22) ประธานาธิบดีมุนให้สัญญาว่า จะไม่เริ่มโครงการฉีดวัคซีนช้าเกินไป และสำนักประธานาธิบดีออกแถลงการณ์ยืนยันอีกคำรบว่า เกาหลีใต้จะมีวัคซีนเพียงพอฉีดให้ประชาชนกว่า 85%

ลิมทิ้งท้ายว่า รัฐบาลควรเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุด แต่กลับล้มเหลวในการเพิ่มความพยายามแบบที่เคยทำมาในช่วงสองเวฟแรก เช่น การเพิ่มเตียงในโรงพยาบาลเอกชนอย่างรวดเร็ว

“ความมั่นใจมากเกินไปทำให้เราเชื่อว่า แค่สวมหน้ากากและทำแบบที่เคยทำก็พอแล้ว แต่ความเชื่อเหล่านั้นทำให้ทางการละเลยที่จะไตร่ตรองว่า ทำไมถึงรับมือล่าช้า ความสำเร็จและความล้มเหลวที่ผ่านมามีบทเรียนที่ควรค่าต่อการเรียนรู้หรือไม่”
กำลังโหลดความคิดเห็น