xs
xsm
sm
md
lg

ศก.อินเทอร์เน็ตเอเชียอาคเนย์ฝ่าโควิด สู่เป้าหมาย3แสนล้านดอลลาร์ใน5ปี

เผยแพร่:


เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตเอเชียอาคเนย์ปีนี้ถูกคาดหมายว่า จะมีมูลค่าถึง 100,000 ล้านดอลลาร์
บริการดิจิตอลที่เคยร้อนแรงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับแผ่วลงบางส่วนระหว่างโควิดระบาด อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายออนไลน์มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหนุนให้เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตของภูมิภาคนี้โตขึ้นถึง 3 เท่าเป็นกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025

นอกจากนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เชื่อมั่นในอี-คอมเมิร์ซมากขึ้นจะคงอยู่ต่อไปแม้หลังจบวิกฤตไวรัส

งานวิจัยประจำปีจากกูเกิล, เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ และเบน แอนด์ โคที่ครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย และถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตที่เติบโตอย่างรวดเร็วของภูมิภาคนี้ ระบุว่า มูลค่าธุรกรรมของธุรกิจ 4 แขนงหลักคือ อี-คอมเมิร์ซ การเดินทาง สื่อ และบริการส่งอาหารและพัสดุ ควรเพิ่มขึ้นจาก 5,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 105,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เมื่อผู้บริโภคจำนวนมากกลับมาช้อปบนมือถือเป็นครั้งแรก แต่ปัญหาคือมาตรการล็อกดาวน์ทำให้การใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางดิ่งลงอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ดี มูลค่าสินค้ารวม (gross merchandise value – GMV) ของอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ที่เป็นถิ่นกำเนิดของลาซาดาของอาลีบาบา โฮลดิ้งส์ และซีที่เทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ให้การสนับสนุน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 63% จากปีที่แล้ว เนื่องจากผู้บริโภคภายในประเทศสั่งซื้อของชำและของใช้จำเป็นจากแพลตฟอร์มเรดมาร์ตของลาซาดา และช้อปปี้ของซี โดยงานวิจัยชิ้นนี้คาดว่า การช้อปปิ้งออนไลน์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 172,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 จากที่เคยคาดไว้เดิม 153,000 ล้านดอลลาร์ ตอกย้ำว่า สภาพแวดล้อมที่ท้าทายของปี 2020 ไม่สามารถบ่อนทำลายแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ได้

การใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทางออนไลน์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มูลค่าการทำธุรกรรมดิ่งฮวบถึง 58% เหลือ 14,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ กระนั้น เมื่ออุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตฟื้นตัว ตลาดการเดินทางออนไลน์จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 60,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025

บริการส่งอาหารและพัสดุที่มีแกร็บ โฮลดิ้งส์ และโกเจ็กเป็นผู้นำในตลาด ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันโดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมลดลง 11% อยู่ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ และดีมานด์บริการไรด์เฮลลิ่งที่ดิ่งลงทั่วโลก ทำให้สตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงสุดในภูมิภาค 2 แห่งนี้ต้องปลดพนักงาน

โดยรวมแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพฤติกรรมผู้บริโภคส่งเสริมความก้าวหน้าของเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ต จำนวนผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออนไลน์ครั้งแรกในปีนี้สูงถึง 40 ล้านคน ทำให้จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มเป็น 400 ล้านคน หรือเกือบ 70% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในภูมิภาคนี้

รายงานยังระบุว่า เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตของเอเชียอาคเนย์จะมีมูลค่า GMV ถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ในปีปัจจุบัน และขยายตัวต่อเนื่องจนมีมูลค่าถึง 300,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 ตามที่คาดหมายไว้เมื่อปีที่แล้วก่อนเกิดโรคระบาด

สเตฟานี เดวิส รองประธานกูเกิลประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า โควิด-19 ที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเกือบ 51 ล้านคน ส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้และแนวโน้มนี้จะคงอยู่ต่อไป ตัวอย่างเช่น เมื่อสอบถามผู้บริโภคว่า ทำไมถึงใช้อี-คอมเมิร์ซระหว่างช่วงโรคระบาด คำตอบคือเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสในการติดเชื้อ และผู้บริโภคจำนวนใกล้เคียงกันบอกว่า เพราะอี-คอมเมิร์ซมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์อย่างมาก

อี-คอมเมิร์ซขับเคลื่อนการเติบโตในอินโดนีเซีย แม้ผลกระทบอย่างกว้างขวางจากโควิดทำให้เศรษฐกิจแดนอิเหนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์เข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกนับจากวิกฤตการเงินเอเชียเมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่แล้วก็ตาม โดยกูเกิล เทมาเส็ก และเบนคาดว่า เศรษฐกิจดิจิตอลของอินโดนีเซียจะโตขึ้นเกือบ 3 เท่า เป็น 124,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 แม้ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 133,000 ล้านดอลลาร์ก็ตาม

วิกฤตโรคระบาดยังกระตุ้นให้ผู้บริโภคยอมรับบริการทางการเงินมากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีจ่ายและโอนเงินแบบไร้สัมผัส ส่งผลให้การใช้เงินสดลดลง คาดว่า การชำระเงินระบบดิจิตอลจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 600,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 เป็น 620,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 และอาจเพิ่มเป็น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 ทั้งนี้ การชำระเงินระบบดิจิตอลในงานวิจัยนี้ครอบคลุมโมบายวอลเล็ต การโอนเงินระหว่างบัญชี บัตรเดบิตและบัตรเครดิต

แต่สำหรับมูลค่าการกู้ยืมออนไลน์ยังคงอยู่ที่ 23,000 ล้านดอลลาร์เท่ากับปีที่แล้ว สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้ รายงานยังเตือนว่า การกู้ยืมระหว่างบุคคลทางออนไลน์ที่ยังไม่ผ่านการทดสอบและมีเป้าหมายที่ payday loan (การกู้ยืมก่อนวันเงินเดือนออก) ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และผู้ปล่อยกู้รายย่อยดั้งเดิม จะประสบปัญหาไปอีกหลายไตรมาส

ขณะเดียวกัน การลงทุนด้านเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018 สาเหตุหลักคือการชะลอการอัดฉีดเงินก้อนใหญ่ในยูนิคอร์น หรือสตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทเทคโนโลยีในภูมิภาคระดมทุนได้ 6,300 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 7,700 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ขณะที่เม็ดเงินลงทุนไหลไปยังเทคโนโลยีการเงินหรือฟินเทคมากขึ้น โดยมีมูลค่าดีลเพิ่มขึ้นจาก 475 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา เป็น 835 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันปีนี้

นอกจากนั้น นักลงทุนยังสนใจเทคโนโลยีสุขภาพและการศึกษามากขึ้น หลังจากโรคระบาดทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากหันไปขอคำปรึกษาด้านสุขภาพออนไลน์ และโรงเรียนเปลี่ยนมาใช้ระบบการเรียนทางไกล
กำลังโหลดความคิดเห็น