xs
xsm
sm
md
lg

“พุทธิพงษ์” มั่นใจปั้นเอ็นทีสู้สนามรบ 5G-ดาวเทียม

เผยแพร่:



“พุทธิพงษ์” เดินหน้าเปลี่ยนโฉมทีโอที-กสท โทรคมนาคม สู่เอ็นที ชูศักยภาพการให้บริการ 5G และดาวเทียม พร้อมพัฒนาบุคลากรรับเทคโนโลยีใหม่ มั่นใจควบรวมเสร็จทัน ม.ค.2564 ด้านทีโอทีเตรียมเอ็มโอยูร่วมกับอีอีซี พัฒนาโครงสร้างโทรคมนาคม และ 5G ในพื้นที่

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนั่งเป็นประธานการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ในเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากพอสมควรแล้ว เพื่อให้เสร็จตามกรอบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดเดือน ม.ค.2564 โดยเฉพาะเรื่องบัญชีของทั้ง 2 บริษัท เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายยินดีเปิดใจและพร้อมแสดงทรัพย์สินและการเงินต่อกันอย่างไม่ปิดบัง ทำให้การทำงานคืบหน้ามากกว่าด้านอื่น ขณะที่ด้านกฎหมาย มีรายละเอียดเรื่องสัญญาและข้อพิพาทจำนวนมากที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าทั้ง 2 บริษัท มีลูกหนี้ เจ้าหนี้ หรือเป็นพันธมิตรกับใครบ้าง

ส่วนเรื่องบุคลากร เป็นเรื่องที่น่าหนักใจที่สุด เพราะทั้ง 2 องค์กร มีการทำงานในตำแหน่ง เวลาการทำงาน และเงินเดือนที่ต่างกัน ซึ่งต้องหาข้อสรุปเพื่อให้พนักงานทั้ง 2 องค์กรทำงานภายใต้ระเบียบการทำงานเดียวกัน โดยยอมรับว่าเมื่อมีตัวอย่างของบางรัฐวิสาหกิจที่ล้มลงและต้องจ้างพนักงานออก ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจตลอดจนพนักงานทั้ง 2 บริษัท ตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวครั้งนี้และยอมรับได้ในการปรับบทบาท หน้าที่ และเวลาการทำงานให้เหมือนกัน นอกจากนี้ ตนเองยังได้ให้นโยบายด้านการพัฒนาทักษะบุคลากรแก่พนักงานเดิมให้สามารถทำงานภายใต้บทบาทและโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นให้ได้ โดยต้องให้โอกาสกับคนเดิมที่อยู่ก่อน ประมาณ 1-2 ปี หลังจากเป็นเอ็นทีเพื่อให้เขาได้ปรับตัวและพัฒนาศักยภาพของตนเอง หากท้ายที่สุดแล้วเขาไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ ก็เป็นหน้าที่ของเอ็นทีในการหาคนใหม่เข้ามาแทนที่ ซึ่งตนยืนยันว่าก่อนการควบรวมไม่มีการจ้างพนักงานออกอย่างแน่นอน

“ตั้งแต่ผมมานั่งเป็นประธานผมก็เร่งทำงานให้เสร็จทุกด้าน อะไรที่ติดขัดก็ให้บอก ผมประชุมทุก 3 สัปดาห์ เพื่อให้การควบรวมสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อความเท่ แต่มันเป็นโอกาสอันดี และทุกคนก็เห็นแล้วว่าหากไม่ปรับตัวรัฐวิสาหกิจจะเป็นอย่างไร ถามว่าตอนนี้คืบหน้ากี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ผมขอประเมินอีกทีวันที่ 12 พ.ย.นี้ แต่มั่นใจว่าเสร็จทันตามกำหนดแน่นอน”

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เมื่อควบรวมเสร็จแล้ว เอ็นทีจะกลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่มีศักยภาพในการให้บริการโดยเฉพาะเรื่อง 5G และดาวเทียม ที่แม้ว่าทั้งทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ต่างมีพันธมิตรในการทำธุรกิจดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit Satellite:LEO) แล้ว คือ ทีโอทีกับบริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด และ กสท โทรคมนาคม กับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท เนชั่น สเปซ แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด ก็ตาม เพราะเมื่อเป็นเอ็นทีแล้ว เอ็นทีต้องเปิดกว้างให้ทุกรายเข้ามาร่วมธุรกิจได้ อาจจะเป็นต่างชาติ หรือใครก็ได้ ดังนั้น การเป็นพันธมิตรกันก่อนหน้านั้นไม่ได้ยืนยันว่าจะต้องทำธุรกิจร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ดาวเทียม LEO จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการส่งเสริมเทคโนโลยี 5G สำหรับการส่งสัญญาณในพื้นที่ห่างไกล ขณะที่แผนการพัฒนา 5G ของทีโอทีและกสท โทรคมนาคม ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งต้องเร่งมือเพราะโอกาสในการลงทุนสำหรับรองรับเทคโนโลยีใหม่มาแล้ว หากไม่เร่งลงมือทำจะไม่สามารถอยู่รอดได้ บริการของทั้ง กสท โทรคมนาคม และทีโอที ก็จะเปลี่ยนรูปแบบไป ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์บริการของทั้ง 2 บริษัท ก็สามารถเปลี่ยนโฉมมาให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยี 5G และ ดาวเทียมให้กลุ่มอุตสาหกรรมแทน เป็นต้น และในวันที่ 9 พ.ย.2563 ทีโอที จะลงนามความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในการรองรับระบบการสื่อสารต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยี 5G ในอีอีซี ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น