xs
xsm
sm
md
lg

TSTH ลั่นครึ่งปีหลังขายเหล็กพุ่ง ดันงวดปี 64 แตะ 1.22-1.23 ล้านตัน

เผยแพร่:



ทาทา สตีล ลั่นครึ่งปีหลังปริมาณการขายเหล็กโตกว่าครึ่งปีแรกที่ 6.09 แสนตัน หนุนทั้งปีมีปริมาณการขาย 1.22-1.23 ล้านตัน สูงกว่าปีก่อน 2-3 หมื่นตัน เตรียมส่งออกเหล็กไปอินเดีย และลงทุนโซลาร์รูฟท็อป 9-10 เมกะวัตต์ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานลง

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการขายเหล็กในช่วงครึ่งปีหลังงวดปีงบการเงิน 2564 (ต.ค. 63-มี.ค. 64) จะสูงกว่าช่วง 6 เดือนแรกที่มีปริมาณการขายเหล็กรวม 6.09 แสนตัน ทำให้งวดปี 2564 บริษัทจะมีปริมาณการขายเหล็กอยู่ที่ 1.22-1.23 ล้านตัน คิดเป็น 70-75% ของกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการขาย 1.20 ล้านตัน เนื่องจากมีความต้องการใช้เหล็กในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงการพัฒนาศูนย์กลางรถไฟแห่งชาติใน จ.พระนครศรีอยุธยา และการขยายเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนและทางด่วนของกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อจังหวัดใกล้เคียงหลายแห่ง อีกทั้งจีนมีนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ทำให้ลดการส่งออกเหล็กโดยเฉพาะเหล็กลวดจากจีนมายังอาเซียนลดลง

บริษัทจะส่งออกเหล็กเส้นก่อสร้างไปยังอินเดีย หลังรัฐบาลอินเดียผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้มีความต้องการใช้เหล็กในอินเดียเพิ่มขึ้น คาดว่าครึ่งปีหลังบริษัทจะส่งออกเหล็กราว 5 หมื่นตัน จากครึ่งปีแรกส่งออกได้ 2.9 หมื่นตัน ทำให้ปีนี้บริษัทส่งออกจะอยู่ที่ 7.9 หมื่นตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1.19 แสนตัน

นายราจีฟกล่าวต่อไปว่า ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่มีการชุมนุมยืดเยื้อนั้น มองว่าไม่ได้เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งยังคงขึ้นอยู่กับแรงขับเคลื่อนภายในประเทศเป็นหลักในช่วงครึ่งปีหลัง ราคาแร่เหล็กและเศษเหล็กมีแนวโน้มสูงขึ้นตามความต้องการจากจีนที่มีอยู่มาก โดยบริษัทก็จะพยายามรักษา โดยบริษัทก็จะพยายามรักษาอัตราความสามารถทำกำไร(EBITDA Margin)ไม่ให้ต่ำกว่าไตรมาส 2/63 ที่ทำได้ 5.6% โดยต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทนับว่ามีสัดส่วนมากถึง 70% ของต้นทุนรวม

นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงานเพื่อผลิตไฟฟ้ารวม 9-10 เมกะวัตต์ ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท ขณะนี้กำลังตัดสินใจคัดเลือกว่าจะลงทุนเอง หรือให้บริษัทอื่นเป็นผู้ลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วง 3 เดือนนี้

สำหรับการควบรวม 3 บริษัทย่อย ได้แก่ บมจ.เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป (NTS) ถือหุ้น 99.76% บจก.เหล็กสยาม (2001) (SISC) ถือหุ้น 99.99% และ บจก.เหล็กก่อสร้างสยาม (SCSC) ถือหุ้น 99.99% เพื่อเป็นบริษัทเดียว โดยจะเปลี่ยนชื่อ NTS เป็น บมจ.ทาทา สตีลการผลิต (ประเทศไทย) (TSMT) นั้น คาดว่ากระบวนการควบรวมจะเสร็จสิ้นประมาณเดือน ม.ค. 64 ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มีการบริหาร และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น