บริษัทรักษาความปลอดภัยพบกองทัพโปรแกรมสร้างภาพปลอม หรือดีปเฟก (deepfake) บนแอปพลิเคชันแชตสุดฮอตอย่างเทเลแกรม (Telegram) รายงานระบุเครือข่ายบ็อตนี้สร้างภาพเปลือยปลอมจากภาพนิ่งของผู้หญิงได้ตามคำขอ คาดบ็อตสร้างภาพเปลือยดีปเฟกของผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 104,000 คน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีการผลิตภาพปลอมเพิ่มขึ้นเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์
บริษัทรักษาความปลอดภัยผู้เปิดโปงภัยนี้คือเซ็นซิตี้ (Sensity) ระบุว่า ได้ค้นพบเครือข่าย "บ็อต deepfake" บนแอปพลิเคชัน Telegram ที่สร้างภาพเปลือยด้วยคอมพิวเตอร์ตามคำขอที่ได้รับ โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 บริษัทพบว่าบ็อตได้สร้างภาพเปลือยปลอมของผู้หญิงประมาณ 104,000 คน โดยภาพส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดัง แต่เป็นภาพเปลือยปลอมของผู้หญิงที่รู้จักในชีวิตจริง
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เซ็นซิตี้พบว่าการผลิตภาพเปลือยปลอมมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์ โดยเหยื่อส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่ามีภาพปลอมของตัวเองปล่อยบนอินเทอร์เน็ต ที่น่าเป็นห่วงคือบางภาพเป็นภาพเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
รายงานระบุว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ใช้บ็อตนี้ (70 เปอร์เซ็นต์) มาจากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการแบน Telegram โดยนอกจาก Telegram การติดตามในรัสเซียยังพบว่าบ็อตนี้สามารถเชื่อมต่อกับ VK เครือข่ายโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม บ็อตดีปเฟกบน Telegram ไม่พบการใช้งานแพร่หลายในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น สหราชอาณาจักร และแคนาดา โดยตัวบ็อตเปิดให้ใช้งานได้ฟรี แต่ผู้ใช้สามารถซื้อ "เหรียญพรีเมียม" เพื่อลบลายน้ำที่ซอฟต์แวร์สร้างขึ้น และเร่งความเร็วในการประมวลผลได้
บริษัท Sensity เชื่อว่าเทคโนโลยีเบื้องหลังความสามารถของบ็อตนี้มีชื่อว่าดีปนู้ด (DeepNude) เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สที่มีอัลกอริธึมแบบแมชชีนเลิร์นนิงในการสร้างภาพเปลือยปลอม ซึ่งได้รับความนิยมเมื่อปีที่แล้ว ในเวลานั้นยังมีข้อจำกัดว่าอัลกอริทึม DeepNude ต้องใช้พีซีที่มี GPU เฉพาะในการทำงาน แต่บ็อตบน Telegram ทำให้ทุกคนที่มีโทรศัพท์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ เพราะบ็อตทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์
ขณะนี้ Telegram ยังเก็บตัวเงียบและไม่แสดงความเห็นต่อปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับบ็อตนั้นเป็นโปรแกรมเสริมที่ผู้ใช้ Telegram สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ฟรี โดยชาว Telegram สามารถเลือกบ็อตที่ต้องการได้จากร้าน Bot Store บางบ็อตสามารถแจ้งเตือนข้อมูลที่ต้องการ บางบ็อตสามารถช่วยบันทึกโน้ต ซึ่งเป็นประโยชน์ในการค้นหาหรือติดตามในอนาคต ทั้งหมดนี้ทำให้ Telegram มีคุณสมบัติครอบจักรวาลจนพนักงานหลายบริษัทเลือกใช้เป็นระบบสื่อสารแทน LINE หรือ Facebook Messenger
สถิติล่าสุด ระบุว่า Telegram มีผู้ใช้งานราว 400 ล้านรายต่อเดือน สูงกว่า LINE ที่มีผู้ใช้งาน 166 ล้านรายทั่วโลก ยังเป็นรอง Facebook Messenger ที่มีผู้ใช้งาน 1,300 ล้านราย
