xs
xsm
sm
md
lg

รฟม.งัดเอกสารพร้อมชี้แจงศาล รื้อเกณฑ์ “สีส้ม” เป็นธรรม จ่อฟ้องแพ่งกลับเหตุทำรัฐเสียหาย

เผยแพร่:



รฟม.ยันปรับเกณฑ์ประมูล “สีส้ม” ยังไม่มีผู้ได้รับความเสียหาย ชี้บีทีเอสฟ้องคุ้มครอง ไม่เรียกค่าชดเชยใดๆ มั่นใจมีหลักฐานชี้แจงได้ทุกประเด็น จ่อฟ้องแพ่งกลับกรณีทำรัฐเสียหาย คาดต้นปี 64 สรุปผลประมูล

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า จากที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และล่าสุดได้ยื่นร้องต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กรณีที่ รฟม.ปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ให้เป็นรูปแบบการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคควบคู่กับด้านราคา โดยระบุว่าหาก รฟม.แพ้คดีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง อาจจะเสียค่าโง่และค่าชดเชยนั้น ยืนยันว่าในการดำเนินงานของ รฟม.และคณะกรรมการมาตรา 36 เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 มาตรา 35, 38, 39 และเป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการ PPP

ทั้งนี้ คดีที่บีทีเอสเป็นผู้ยื่นฟ้องศาลปกครองเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 63 ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ผู้ร้องขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอน มติคณะกรรมการมาตรา 36 ที่เห็นชอบปรับปรุงวิธีการประเมินและขยายเวลา และเพิกถอนเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติม (RFP Addendum) ที่ปรับปรุงวิธีการประเมิน และคำขอท้ายฟ้องคดีหลัก ผู้ร้องขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งระงับการประมูลไปก่อนจนกว่าศาลมีคำพิพากษาตัดสิน

“คำร้องและคำฟ้องไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าชดเชยใดๆ ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นที่หาก รฟม.แพ้คดี จะทำให้รัฐเสียค่าโง่หรือต้องเสียค่าชดเชยแต่อย่างใด”

ผู้ว่าฯ รฟม.ยืนยันว่าการปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว และข้อกำหนดใน RFP สามารถออกเอกสารเพิ่มเติมได้ ขณะที่มีการขยายเวลาในการยื่นเอกสารออกไปอีก 45 วัน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐจะได้รับจากการได้ผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพในการดำเนินงานด้านเทคนิคในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ทำให้ประชาชนได้รับการให้บริการระบบขนส่งมวลชนที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูงที่สุด และบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดทำบริการสาธารณะของ รฟม.

โดยในวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งศาลนัดไต่สวนนั้น รฟม.พร้อมจะชี้แจงในทุกประเด็น พร้อมเอกสารอ้างอิงและข้อกฎหมายที่คณะ กก.มาตรา 36 ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ รฟม.พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยหากศาลยกคำร้อง การประมูลจะเดินหน้าตามกระบวนการ พร้อมกันนี้ รฟม.อาจจะพิจารณายื่นฟ้องแพ่ง กรณีที่ทำให้ รฟม.ในฐานะหน่วยงานรัฐได้รับความเสียหาย แต่หากกรณีศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครอง รฟม.จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

“ไม่ว่าคำสั่งศาลจะออกมาอย่างไร ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่ง รฟม.มั่นใจว่าจะไม่ยืดเยื้อ เนื่องจากเห็นว่าผู้ฟ้องต้องเป็นผู้เสียหายจากคำสั่งทางปกครอง แต่เรื่องนี้ผู้ฟ้องยังไม่ได้รับความเสียหาย รฟม.ไม่ได้มีการเพิกถอนสิทธิ์ประมูลใดๆ และการขยายเวลาทำข้อเสนอ 45 วัน ผู้ซื้อซองทุกรายได้สิทธิ์เหมือนกัน”

ทั้งนี้ หากยังไม่มีคำสั่งศาลที่ทำให้กระบวนการประมูลต้องหยุดชะงัก หลังรับซองในวันที่ 9 พ.ย. 63 กก.มาตรา 36 จะประชุมเพื่อกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การให้คะแนนทางเทคนิค จากนั้นจะเปิดซองข้อเสนอคุณสมบัติในวันที่ 23 ต.ค. 63 ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ยื่นซอง จากนั้นจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและเปิดซองข้อเสนอด้านเทคนิคและด้านการเงินพร้อมกัน โดยคาดว่า จะสรุปผลการประมูลได้ต้นปี 2564

คณะ กก.มาตรา 36 ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การลงทุน กฎหมาย บริการขนส่งสาธารณะ รฟม.เชื่อมั่นในเกณฑ์การพิจารณาที่จะทำให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด และยืนยันว่าการนำคะแนนข้อเสนอทางเทคนิค 30% รวมกับข้อเสนอการเงิน 70% เนื่องจากแนวเส้นทางอยู่ใต้ดินและลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านพื้นที่อ่อนไหว อาคารเก่า พื้นที่อนุรักษ์ จึงต้องมีมาตรการเฝ้าระวังเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องหาวิธีการและเทคโนโลยีในการก่อสร้างที่ดีที่สุด ต้องมีการดูแลความปลอดภัยในการเจาะใต้แม่น้ำ หากมีปัญหา เช่น หัวเจาะติดอยู่ใต้แม่น้ำ จะมีวิธีการที่จะไปกู้หัวเจาะอย่างไร ส่วนการเดินรถนั้น จะต้องออกแบบระบบที่มีอุปกรณ์และมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น กรณีเกิดไฟไหม้ จะอพยพผู้โดยสารออกจากระบบที่อยู่ใต้ดินอย่างไร เป็นต้น

โดยโครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี โดยรัฐจะจ่ายคืนค่าก่อสร้างไม่เกิน 96,012 ล้านบาทในระยะเวลา 7 ปี เริ่มจ่ายหลังก่อสร้างไปแล้ว 2 ปี ซึ่งสำนักงบประมาณยืนยันในการจัดสรรเงินชำระคืนค่าก่อสร้างได้เร็ว จากเดิมที่ก่อสร้างเสร็จแล้วรัฐค่อยจ่ายค่าก่อสร้างคืน โดยจากผลศึกษาโครงการมีมูลค่าปัจจุบัน (NPV) 1,000 ล้านบาท ตลอดอายุ 30 ปี เนื่องจากกำหนดอัตราค่าโดยสารต่ำที่ 16-42 บาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เคยมีเอกชนยื่นเสนอขอให้ รฟม.พิจารณาเทคนิครวมกับการเงินมาแล้ว แต่รฟม.ไม่ได้ดำเนินการ แต่กลับมาปรับเกณฑ์ภายหลังที่ปิดขายซองไปแล้ว และพอดีกับที่มีเอกชนบางรายยื่นขอให้ปรับเกณฑ์พอดี ถือเป็นการเอื้อประโยชน์เฉพาะบางรายหรือไม่ นายภคพงศ์กล่าวว่า การประมูลโครงการรัฐไม่มีการเอื้อประโยชน์รายใดรายหนึ่งแน่นอน ประเด็นการรวมคะแนนเทคนิคและการเงินนั้นมีการพิจารณามาตั้งแต่การทำ RFP แต่เนื่องจากระยะเวลาค่อนข้างเร่งคณะกรรมการมาตรา 36 จึงมีมติ RFP ไปก่อน โดยสงวนสิทธิ์การปรับ หากเป็นประโยชน์ต่อรัฐและประชาชน



นายภคพงศ์  ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.
กำลังโหลดความคิดเห็น