xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เผยยอดใช้สิทธิ์ FTA-GSP ส่งออกครึ่งปี 63 มูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

เผยแพร่:



กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA และ GSP ช่วงครึ่งปี 63 มีมูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.26% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำการส่งออกชะลอตัว แต่พบมีการใช้สิทธิ์ส่งออกสินค้ากลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในช่วง 6 เดือน ปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ว่ามีมูลค่าการใช้สิทธิรวม 30,848.59 ล้านเหรียญสหรัฐ ลลดลง 14.26% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 78.61% เพราะได้รับผลกระทบหลักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังดำเนินไปในหลายประเทศ และกดดันการส่งออกทั่วโลก โดยแบ่งเป็นการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA มูลค่า 28,534.28 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15.47% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 78.25% และ GSP มูลค่า 2,314.31 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.07% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 83.26%

ทั้งนี้ การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ในช่วง 6 เดือน พบว่าตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อาเซียน มูลค่า 9,490.68 ล้านเหรียญสหรัฐ 2. จีน มูลค่า 9,567.64 ล้านเหรียญสหรัฐ 3. ญี่ปุ่น มูลค่า 3,402.10 ล้านเหรียญสหรัฐ 4. ออสเตรเลีย มูลค่า 2,937.55 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5. อินเดีย มูลค่า 1,573.08 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ไทย-ชิลี ร้อยละ 100 2. อาเซียน-จีน ร้อยละ 91.67 3. ไทย-เปรู ร้อยละ 88.25 4. ไทย-ญี่ปุ่น ร้อยละ 84.18 และ 5. อาเซียน-เกาหลี ร้อยละ 71.71


สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ GSP พบว่าตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิ์มากที่สุด คือ สหรัฐฯ มูลค่า 2,043.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.39% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 85.24% รองลงมาคือ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 177.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.65% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 64.10% รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มูลค่า 76.54 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.29% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 85.26% และนอร์เวย์ มูลค่า 16.87 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 59.30% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 100%

นายกีรติกล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 พบว่าไทยมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าที่มีความต้องการสูงในช่วงการแพร่ระบาด โดยเฉพาะสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมีการใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นในหลายความตกลงฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และยังมีโอกาสส่งออกไปได้จากความต้องการในหลายประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยอาเซียน-จีน สินค้าที่มีการใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้น เช่น ถุงมือยาง มูลค่า 46.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 75.19% เทอร์โมมิเตอร์ มูลค่า 13.47 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 100% อาเซียน-เกาหลี เช่น เครื่องแต่งกายทำด้วยยางวัลแคไนซ์ มูลค่า 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 67% ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์หรือสารทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อ มูลค่า 0.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 100% อาเซียน-ญี่ปุ่น เช่น เอทิลแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้แปลงสภาพ มูลค่า 4.37 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8.73% เสื้อผ้าอื่นๆ เช่น เสื้อผ้าใช้ป้องกัน มูลค่า 0.09 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 54.15% ไทย-ออสเตรเลีย เช่น เครื่องกรองอากาศ/เครื่องสร้างและลำเลียงออกซิเจน มูลค่า 11.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 100% สบู่ที่มีลักษณะเป็นของเหลวหรือครีม มูลค่า 3.17 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 36.22% สหรัฐฯ เช่น แว่นตาใช้ในการป้องกัน มูลค่า 54.72 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 100% ถุงมือถักที่หุ้มด้วยพลาสติกหรือยาง มูลค่า 4.42 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 72% เป็นต้น

ขณะที่การใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าเครื่องดื่ม อาหาร เกษตรแปรรูปไปยังหลายประเทศคู่ค้าในภาพรวมยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี เช่น ผลไม้ ทุเรียนสด ชิ้นเนื้อและเครื่องในไก่แช่แข็ง อาหารปรุงแต่ง เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น