xs
xsm
sm
md
lg

“สุพัฒนพงษ์” จี้ ปตท.ปฏิบัติการเชิงรุกหาพันธมิตรลงทุนในอีอีซี

เผยแพร่:



“สุพัฒนพงษ์” ตรวจเยี่ยม ปตท.สั่งเร่งปฏิบัติการเชิงรุกแสวงหาพันธมิตรข้ามชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน โปรยยาหอม ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นกำลังสำคัญและเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วันนี้ (25 ก.ย.) ว่า ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานที่มีความสำคัญและเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ โดย ปตท.มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุนในไทย ก็อยากให้เร่งดำเนินการทำ ซึ่ง ปตท.อาจไม่ต้องลงทุนด้วยตัวเองแต่ขอให้ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่ง ปตท.มีฐานลงทุนอยู่แล้ว เนื่องจากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศได้ปรับเปลี่ยนนโยบายจากเดิมที่มีฐานการผลิตเดียวมาเป็นหลายฐานการผลิต โดยเห็นว่าประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศที่ต่างชาติให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนเพราะมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าหลายประเทศในอาเซียน 
 
ทั้งนี้ ในปี 2563 กลุ่ม ปตท.จะใช้งบลงทุนราว 2 แสนล้านบาท และงบลงทุน 5 ปีนี้ (2563-2567) จำนวน 9 แสนล้านบาท โดย ปตท.ยังเป็นกำลังสำคัญในการเดินหน้าพื้นฟูเศรษฐกิจทั้งในระหว่างมีการแพร่ระบาดฯ และหลังโควิด-19 รวมไปถึงการลงทุนธุรกิจใหม่ที่กลุ่ม ปตท.ต้องการขยายการลงทุน เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติก็น่าจะเล็งเห็นความพร้อมของ ปตท.ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตร โดยขอให้ ปตท.เริ่มปฏิบัติการเชิงรุกที่จะแสวงหาพันธมิตรที่จะมาลงทุนในการร่วมทุนในธุรกิจเป้าหมายทั้งในปัจจุบันและอนาคต ล่าสุด ปตท.ได้ลงนามสัญญากับองค์การเภสัชกรรมเพื่อตั้งโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งในอนาคตหากมีบริษัทยารายใหญ่ที่จะเข้ามาลงทุน ทาง ปตท.พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรลงทุน

นอกจากนี้ ปตท.ยังมีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการจ้างงานที่จะเข้ามาร่วมในงาน JOB EXPO THAILAND 2020 จะจัดขึ้นในวันที่ 26-28 กันยายน 2563 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยกลุ่ม ปตท.จะมีการจัดจ้างแรงงานนับหมื่นอัตรา รวมทั้งนำองค์ความรู้ของปตท.ด้านการจัดการ และเทคโนโลยี มาสอนให้ชุมชนผ่านกิจกรรมด้านสมาร์ทฟาร์มมิ่ง โดยใช้เทคโนโลยีมาปรับปรุงด้านผลผลิตให้ยั่งยืน พร้อมทั้งจัดข้อเสนอแผนงานใหม่ด้านเกษตรเทคโนโลยีที่เพิ่มผลผลิตเพื่อยื่นขอต่อหน่วยงานภาครัฐ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทำให้ชุมชนหรือชาวบ้านสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง และจะเป็นกำลังสำคัญในท้องถิ่น 

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปทบทวนอัตราค่าบริการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมติ ทบทวนค่าบริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อเพื่อให้ต้นทุนก๊าซอยู่ในระดับที่เหมาะสมนั้น ไม่ได้สั่งการว่าต้องปรับขึ้นหรือปรับลงแต่อย่างใด แต่เป็นการพิจารณาตามหน้าที่ของ กกพ.ที่จะพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส ที่ต้องทบทวนเรื่อยๆ ให้สอดรับกับสถานการณ์ ซึ่งโชคดีว่าการใช้พลังงานลดลงไม่มาก แต่อัตราดอกเบี้ยก็ถูงลงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการด้านพลังงาน 

ส่วนนโยบายการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นั้น เบื้องต้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง รวมถึงกระทรวงพลังงานด้วย โดยกระทรวงพลังงานต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่าเป้าหมายการจะมีรถอีวีคิดเป็นสัดส่วน 25% ของรถยนต์ทั้งหมดในประเทศในช่วงปี 2580 นั้น เหมาะสมที่จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของรถอีวีได้หรือไม่ หากทำได้ตามเป้าหมายก็จะผลักดันให้เกิดขึ้นต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น