“สุพัฒนพงษ์” มอบ กฟผ.เร่งพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน รุกโอกาสสู่การเป็นศูนย์กลางซื้อขายพลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน เพิ่มขีดแข่งขัน พร้อมให้พิจารณาลดค่าเสื่อมและอายุโรงไฟฟ้าให้สั้นลงเพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 23 ก.ย. โดยมีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการ กฟผ. และผู้บริหารระดับสูงร่วมหารือ ว่า ในฐานะที่ กฟผ.เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีความสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงมอบให้ กฟผ.เร่งศึกษาและพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน และเร่งเจรจาซื้อขายไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขายไฟฟ้าของภูมิภาค (ฮับอาเซียน)
นอกจากนี้ยังเสนอให้ กฟผ.พิจารณาลดค่าเสื่อมและอายุโรงไฟฟ้าจาก 25-30 ปี ให้มีระยะเวลาที่สั้นลงเพื่อให้ทันต่อการพัฒนาของเทคโนโลยีที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า พร้อมทั้งให้ กฟผ.ส่งเสริมเทคโนโลยีกระบวนการผลิตไฟฟ้าและการดำเนินการในด้านอื่นๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนตามความตกลงปารีส (Paris Agreement)
ขณะเดียวกัน กฟผ.ควรให้ความสำคัญต่อแผนการพัฒนาบุคลากร สนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการอบรมทักษะและเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและเฟ้นหาธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความคล่องตัว มีเทคโนโลยีด้านไฟฟ้าที่ทันสมัยน่าสนใจสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้เลยแทนการเริ่มต้นพัฒนาใหม่ เพื่อให้ทันต่อการแข่งขันที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว
“ 5 ปีที่ผ่านมา กฟผ.ลงทุนปีละกว่า 5 หมื่นล้านบาท และอีก 5 ปีข้างหน้าจะลงทุนมากขึ้น เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า การลงทุนสายส่ง วงเงินรวมกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งได้เร่งรัดให้ กฟผ.ลงทุนส่วนนี้ โดยเฉพาะปีงบประมาณ 2564 นี้เชื่อว่า กฟผ.จะทำได้ดี ส่วนมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ต้องการให้ กฟผ.ศึกษาแนวทางลดค่าไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 นั้น เรื่องนี้ต้องให้กฟผ.เป็นผู้ศึกษา ต้องดูตามความเหมาะสม” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว