xs
xsm
sm
md
lg

ปล่อยทรัมป์เต้นแร้ง! บ.จีนซุ่มบ่มธุรกิจอนาคตไกลในประเทศ

เผยแพร่:


แม้ถูกทรัมป์รุกไล่หนักในสงครามไฮเทค แต่ผู้เล่นจีนยังหวังพึ่งพิงและแสวงหาโอกาสในตลาดขนาดใหญ่ในประเทศได้
นักวิเคราะห์เชื่อยักษ์ใหญ่ไฮเทคจีนสามารถใช้ความได้เปรียบจากตลาดขนาดมหึมาภายในประเทศ บ่มเพาะธุรกิจอนาคตไกลที่รวมถึงบริการสตรีมเกม รถอัตโนมัติ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีชีวภาพ ในขณะที่ทรัมป์กำลังบ้าเลือดไล่บี้ปักกิ่งก่อนถึงวันเลือกตั้งใหญ่ในอเมริกา

บริษัทเทคโนโลยีจีนมากมายประสบความสำเร็จในระดับโลก ไล่ตั้งแต่แอปแชร์วิดีโอ เกมบนมือถือ ไปจนถึงสมาร์ทโฟน และโครงสร้างโทรคมนาคมอันซับซ้อน

แต่ดูเหมือนความโด่งดังโดดเด่นจะเป็นภัย เพราะตอนนี้ตลาดใหญ่หลายแห่งนำโดยอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ และอินเดีย กำลังปิดกั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนด้วยความกังวลเรื่องการถูกขโมยข้อมูลลับหรือมีข้อขัดแย้งทางการทูตระดับรัฐบาล ทำให้แผนการขยายตัวในตลาดโลกของผู้เล่นเหล่านี้สะดุด อย่างน้อยก็ในช่วงนี้

เด็กซ์เตอร์ ทิลเลียน นักวิเคราะห์ของฟิตช์ โซลูชันส์ บอกว่า เทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นภูมิรัฐศาสตร์และเป้าหมายสำคัญสูงสุดเชิงกลยุทธ์สำหรับหลายประเทศ

อย่างไรก็ตาม บริษัทจีนยังได้เปรียบตรงที่มีตลาดขนาดใหญ่ในประเทศครอบคลุมผู้บริโภคราว 900 ล้านคน มากกว่าอเมริกากับยุโรปรวมกัน

แม้อินเทอร์เน็ตในจีนถูกควบคุมเข้มงวดด้วย “เกรตไฟร์วอลล์” แต่ระบบนิเวศโดยรวมเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ นำเสนอแอปสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่นโดยเฉพาะซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่มาก

ตัวอย่างเช่น ติ๊กต็อกที่เป็นหนึ่งในแอปเมดอินไชน่าที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลาดโลก แต่ไม่ได้ให้บริการในจีน กระนั้น บริษัทแม่คือไบต์แดนซ์ นำเสนอแอปวิดีโอแชริ่งแบบเดียวกันในชื่อ ตู้หยิน ซึ่งบลูมเบิร์กระบุว่า มียอดผู้ใช้รายวันเกิน 600 ล้านคนตั้งแต่เดือนสิงหาคม ทำรายได้ให้บริษัทถึง 6,100 ล้านดอลลาร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และซีอีโอไบต์แดนซ์เล็งเพิ่มรายได้อีกสองเท่าในปีหน้า

ทว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่า ติ๊กต็อกอาจเป็นเครื่องมือของปักกิ่งในการติดตามผู้ใช้และโจรกรรมข้อมูล จึงใช้อำนาจบังคับให้ขายกิจการติ๊กต็อกในอเมริกาให้บริษัทอเมริกันภายในวันที่ 20 กันยายน

วันศุกร์ที่ผ่านมา (18) วอชิงตันประกาศว่า หลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (20) วีแชต ซูเปอร์แอปของเทนเซ็นต์ที่ใช้รับส่งข้อความ ช้อปปิ้ง จ่ายเงิน และบริการอีกมากมาย จะไม่สามารถใช้งานได้ในอเมริกา ส่วนผู้ใช้ติ๊กต็อกจะติดตั้งอัพเดตไม่ได้แต่จะยังใช้แอปได้จนถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน เพื่อให้เวลาไบต์แดนซ์เจรจาหาทางปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในอเมริกากับบริษัทอเมริกัน

อย่างไรก็ตาม วันรุ่งขึ้น (19) ทรัมป์อนุมัติข้อตกลงระหว่างติ๊กต็อก ออราเคิล และวอลมาร์ท เพื่อก่อตั้งบริษัทใหม่ในอเมริกาในชื่อ “ติ๊กต็อก โกลบัล” หลังจากนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงประกาศว่า จะเลื่อนคำสั่งแบนการดาวน์โหลดติ๊กต็อกออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์เนื่องจาก “มีพัฒนาการที่ดี”

ต่อมาในวันอาทิตย์ (20) ผู้พิพากษาศาลในแคลิฟอร์เนียวินิจฉัยคำร้องของผู้ใช้วีแชตและประกาศระงับคำสั่งแบนการดาวน์โหลดซูเปอร์แอปนี้เนื่องจากกังวลเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

ทั้งนี้ วีแชตมีผู้ใช้ในอเมริการาว 19 ล้านคน ส่วนผู้ใช้ติ๊กต็อกนั้นมีถึง 100 ล้านคน

อเล็กซ์ คาปรี นักวิจัยของฮินริช ฟาวน์เดชัน องค์กรอิสระที่ติดตามพัฒนาการการค้าทั่วโลก บอกว่า ขณะนี้หลายประเทศมองนวัตกรรมและเทคโนโลยีว่า มีผลโดยตรงกับความมั่นคงของชาติ และเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ชาตินิยมทางเทคโนโลยี”

ทรัมป์ยังแซงก์ชันหัวเว่ยด้วยข้ออ้างเดียวกัน ซ้ำชักชวนพันธมิตรให้เลิกใช้อุปกรณ์ 5จีของบริษัทแห่งนี้ ส่งผลให้โครงการเปิดตัวเครือข่าย 5จีของหัวเว่ยในตลาดใหญ่ อาทิ อังกฤษ ถูกแช่แข็ง

ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างปักกิ่งกับนิวเดลีทำให้ติ๊กต็อกและแอปอีกมากมายของจีนถูกแบนในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีว่าที่ลูกค้าหลายร้อยล้านคน

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ผลิตแอปและบริษัทเทคโนโลยีจีนโอดครวญว่า ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่บริษัทเหล่านี้ยังคงเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเทคโนโลยีโลก ตัวอย่างเช่น ติ๊กต็อกที่ถือเป็นแอปที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดทั่วโลกในเดือนที่ผ่านมา นอกเหนือจากวิดีโอเกม ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทวิจัย เซ็นเซอร์ทาวเวอร์

ขณะที่หัวเว่ยยังคงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใหญ่สุดของโลก และหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ 5จีชั้นนำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงรุ่นต่อไป

ส่วนวีแชตนั้น มาตรการแบนของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในจีนที่มีผู้ใช้มากกว่าในอเมริกามาก

นอกจากนั้น บริษัทไฮเทคจีนยังกำลังเล็งตลาดในประเทศที่กำลังเติบโต ซึ่งรวมถึงรถอัตโนมัติ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีชีวภาพ

เดือนที่ผ่านมา บลูมเบิร์กรายงานว่า เทนเซ็นต์ คู่แข่งของไบต์แดนซ์ กำลังมองหาช่องทางสร้างบริการสตรีมเกมเช่นเดียวกับทวิตช์ของแอมะซอน โดยเล็งเป้าหมายผู้ใช้ 300 ล้านคนในจีน

เทนเซ็นต์ยังเปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วว่า กำลังเปิดสำนักงานใหม่ในสิงคโปร์เพื่อใช้เป็นฮับประจำภูมิภาครองรับการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ

อย่างไรก็ดี มาตรการลงโทษและข้อสงสัยในหลายประเทศส่งผลกระทบบางอย่างที่ตลาดขนาดใหญ่ของจีนไม่สามารถชดเชยความเสียหายได้ ที่ชัดเจนคือ กรณีที่วอชิงตันห้ามผู้ผลิตอเมริกันขายอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ให้หัวเว่ยที่กำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน

ทั้งนี้ อเมริกาพยายามสกัดภาคเทคโนโลยีของจีนด้วยการตัดช่องทางเข้าถึงไมโครชิป ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ทริเวียม ไชน่า บริษัทวิจัยในปักกิ่ง ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการเหล่านี้ส่งผลชัดเจนและหัวเว่ยจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจขนานใหญ่

ลาร์รี อ๋อง นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง ชิโนอินไซเดอร์ ทิ้งท้ายว่า การที่จีนไม่จริงจังในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการปราบปรามการทุจริต เท่ากับเป็นการบั่นทอนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จของผู้ประกอบการท้องถิ่น
กำลังโหลดความคิดเห็น