xs
xsm
sm
md
lg

“นพพร” ออกโรงแฉ “ณพ” แพ้คดี WEH ลุ้นศาลอังกฤษชี้ขาดหากชนะขายทอดตลาด

เผยแพร่:





“นพพร” ผู้ถือหุ้นเดิม WEH ออกโรงแฉ “ณพ ณรงค์เดช” ให้ข้อมูลคดีความคลาดเคลื่อนจากความจริง ระบุอนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้บริษัทของณพต้องชำระค่าหุ้น WEH และค่าทนายความ แต่เบี้ยวไม่จ่ายแถมโอนหุ้นไปให้โกลเด้น มิวสิคที่ฮ่องกง ที่มีแม่ยายถือหุ้นใหญ่ โดยยื่นฟ้องศาลอังกฤษเอาผิด มั่นใจชนะคดีเพื่อนำหุ้นขายทอดตลาด

วันนี้ (21 ส.ค.) นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ถือหุ้นเดิมบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงผ่าน Zoom หลังจากการแถลงข่าวของนายณพ ณรงค์เดช รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร WEH เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 63 ที่ระบุว่าคดีฟ้องตนเอง (นายณพ) หลายคดีได้ยุติไปแล้ว โดยศาลตัดสินให้นายณพชนะคดี เช่น คดีอนุญาโตตุลาการที่บริษัทนายนพพรฟ้องเพื่อยกเลิกการขายหุ้น WEH หรือคดีที่ฮ่องกงที่บริษัทของนายนพพรและครอบครัวฟ้องร้อง ศาลฮ่องกงได้ยกทิ้งคดีไปทั้งหมดนั้น ขอยืนยันว่าเป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

คดีฟ้องร้องอนุญาโตตุลาการเริ่มแรกสืบเนื่องจากตนได้ทำสัญญาขายหุ้น WEH ราว 40%ให้บริษัทนายณพ คิดเป็นวงเงิน 700 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อราวเดือนมิถุนายน 2558 โดยกำหนดชำระเงินงวดแรกในเดือนกันยายน 2558 วงเงิน 25% ของ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 175 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่เหลือจะทยายจ่ายหลังจาก 5 โครงการโรงไฟฟ้าพลังลมจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) แต่เมื่อถึงเวลากำหนดชำระเงินงวดแรก นายณพก็ไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามกำหนด โดยขอผัดผ่อนและมาจ่ายในเดือนธันวาคม 2558 เป็นเงิน 90.51 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นตนจึงได้ดำเนินการฟ้องบังคับคดี

โดยบริษัท ซิมโฟนี่ พาร์ทเนอร์ส จำกัดซึ่งตนถือหุ้น ได้ยื่นร้องขอต่อคณะอนุญาโตตุลาการให้มีคำชี้ขาดให้ยกเลิกการขายหุ้น WEH ให้แก่บริษัทของนายณพ หรือมิฉะนั้นก็ให้คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้บริษัทของนายณพชำระค่าหุ้นงวดแรกที่มิได้ชำระให้แก่ซิมโฟนี่ตามสัญญาซื้อหุ้น โดยในที่สุดคณะอนุญาโตตุลาการก็ได้มีคำชี้ขาดแรกในวันที่ 22 กันยายน 2560 ให้บริษัทของนายณพซึ่งก็คือบริษัท ฟุลเลอร์ตัน เบย์ อินเวสเมนท์ส จำกัด (ฟุลเลอร์ตัน) ชำระค่าหุ้นให้แก่ซิมโฟนี่เป็นเงิน 85.75 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ทางบริษัทได้แจ้งให้บริษัทของนายณพชำระเงินตามคำพิพากษาแต่ได้รับการปฏิเสธ
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 คณะอนุญาโตตุลาการ ได้มีคำชี้ขาดให้บริษัทของนายณพได้แก่ฟุลเลอร์ตัน และบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี โฮลดิ้ง จำกัด (เคพีเอ็น) ชำระเงินค่าหุ้นส่วนที่เหลือตามสัญญาซื้อหุ้นพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ให้แก่ซิมโฟนี่ เน็กซ์โกลบอล และไดนามิก ลิ้งค์ ซึ่งนับถึงปัจจุบันยอดเงินคงค้างสุทธิ หักเงินที่ได้รับมาแล้วจำนวน 175 ล้านเหรียญสหรัฐ บวกดอกเบี้ยตามคำพิพากษา รวมเป็นเงิน 585 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมียอดหนี้ตามสัญญาที่จะทยอยครบกำหนดชำระหว่างปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าอีกจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมเป็นเงิน 685 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ คณะอนุญาโตตุลาการยังได้มีคำชี้ขาดให้ฟุลเลอร์ตันและเคพีเอ็นชำระเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการซึ่งได้แก่ค่าทนายความให้แก่บริษัทเป็นเงิน 5,438,588 ยูโร และชำระค่าใช้จ่ายสำหรับสถาบันอนุญาโตตุลาการ ICC ที่บริษัทได้ชำระไปเป็นเงิน 498,600 เหรียญสหรัฐ ค่าทนายความและค่าใช้จ่ายรวมกันแล้วคิดเป็นเงินไทยจำนวนไม่น้อยกว่า 228 ล้านบาท

การที่คณะอนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดให้บริษัทของนายณพชำระเงินค่าทนายความและค่าใช้จ่ายให้แก่บริษัทเป็นเงินถึงกว่า 228 ล้านบาทนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วนายณพเป็นฝ่ายแพ้คดี จึงเป็นเหตุให้ต้องรับผิดในค่าทนายความและค่าใช้จ่ายของบริษัทในการดำเนินคดีอนุญาโตตุลาการ

ดังนั้น การที่นายณพซึ่งอ้างว่าชนะคดีอนุญาโตตุลาการกลับดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาลสูงของประเทศสิงคโปร์ให้มีคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งล่าสุดปรากฏว่าศาลสูงแห่งประเทศสิงคโปร์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกคำร้องดังกล่าว คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่บังคับให้บริษัทของนายณพชำระเงินให้แก่บริษัทนั้นจึงได้รับคำรับรองจากศาลสูงแห่งประเทศสิงคโปร์ว่าเป็นคำชี้ขาดที่ถูกต้อง นายณพจึงเป็นผู้แพ้คดีและไม่ได้ชนะคดีดังที่ตนกล่าวอ้าง

นายนพพรกล่าวว่า แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้ได้รับชำระเงินจากบริษัทของนายณพเป็นจำนวนนับหมื่นล้านบาทก็ตาม แต่บริษัทลูกหนี้ทั้งสองก็ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ เพราะนายณพได้ดำเนินการให้มีการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี อันเป็นหุ้นที่บริษัทของนายณพที่แพ้คดีอนุญาโตตุลาการมีส่วนในการเป็นเจ้าของ ไปเป็นทอดๆจนกระทั่งได้โอนให้แก่บริษัท โกลเด้น มิวสิค ซึ่งจดทะเบียนที่ฮ่องกงที่มีคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา แม่ยายนายณพเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทฯจึงได้ดำเนินการขอให้ศาลฮ่องกงมีคำสั่งอายัดหุ้นดังกล่าวโดยไม่ได้ฟ้องนายณพเป็นคดีแต่อย่างใดซึ่งศาลฮ่องกงก็ได้มีคำสั่งตามที่บริษัทร้องขอ

ต่อมาก็ดำเนินการฟ้องนายณพ บริษัท โกลเด้น มิวสิค และบุคคลอื่นต่อศาลในประเทศอังกฤษว่ากระทำละเมิดต่อบริษัทเกี่ยวกับการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี และเรียกร้องให้จำเลยในคดีนั้นชำระเงินให้แก่บริษัทคิดเป็นเงินไทยจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยบริษัทได้ขอให้ศาลอังกฤษออกคำสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นดังกล่าวต่อจากศาลฮ่องกงที่เคยมีคำสั่งอายัดหุ้นไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นคำสั่งอายัดหุ้นของศาลฮ่องกงจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ อีกต่อไป อีกทั้งบริษัทไม่เคยฟ้องคดีในฮ่องกง ดังนั้นคำกล่าวของนายณพที่ว่า “ศาลฮ่องกงได้ยกคดีทิ้งไปทั้งหมดแล้ว” จึงเป็นคำกล่าวที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง

บริษัทขอชี้แจงว่า หากบริษัทชนะคดีในศาลอังกฤษต่อโกลเด้น มิวสิคแล้ว บริษัทก็จะดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับหุ้นที่โกลเด้น มิวสิคถืออยู่ในวินด์ เอนเนอร์ยี โดยการบังคับขายทอดตลาด เมื่อนั้นโกลเด้น มิวสิค ย่อมพ้นสภาพความเป็นผู้ถือหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยีที่ถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% อาจต้องเปลี่ยนมือไปเป็นของบุคคลอื่นโดยผลของการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลอังกฤษนั้น เชื่อว่าน่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ในการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายนพพรกล่าวว่า ตนมีความมั่นใจว่าจะชนะคดีฟ้องร้องที่อังกฤษ ที่น่าจะรู้คำตัดสินในปีหน้า หลังจากนั้นจะดำเนินการบังคับขายหุ้นทอดตลาด ซึ่งจะมีการดำเนินการติดตามหุ้นWEHที่ถูกโอนหรือขายให้บางบริษัทไปก่อนหน้านี้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น