xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC แจงกำไร Q2 วูบ 24% จากยอดขายลด-ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน

เผยแพร่:



PTTGC แจงไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิ 1.67 พันล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อนเนื่องจากรายได้ปรับลดลง 35% และขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 7.11 พันล้านบาท

น.ส.ดวงกมล เศรษฐธนัง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงินและบัญชีบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,670.74 ล้านบาท ลดลง 24% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,202.26 ล้านบาท แต่ดีขึ้น 119% เมื่อเทียบจากไตรมาส 1/2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 8,784 ล้านบาท

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 69,271 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 26 จากไตรมาส 1/2563 และลดลงร้อยละ 35 จากไตรมาส 2/2562 โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ) ในไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 1,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1,128 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 โดยมี Adjusted EBITDA ในไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 6,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาส 1/2563 แต่ลดลงร้อยละ 15 จากไตรมาส 2/2562 รวมทั้งบริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net Reversal of NRV) เป็นผลขาดทุนรวม 899 ล้านบาท, การขาดทุนตราสารอนุพันธ์ 340 ล้านบาท และจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาสจึงส่งผลให้บริษัทมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,501 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 1,671 ล้านบาท สูงขึ้น 119% เมื่อเทียบจากไตรมาส 1/2563 ที่ขาดทุนสุทธิ 8,784 ล้านบาท

โดยในไตรมาส 2 นี้บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ในทุกหน่วยผลิตหลักโดยเฉพาะธุรกิจโอเลฟินส์และโพลิเมอร์หลังจากปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อน ส่งผลให้ปริมาณการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงจากการชะลอ ตัวอุปสงค์ของโลกโดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานและนน้ำมันแก๊สโซลีนจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับลดลงตามการปรับลดลงของอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับรูปแบบการผลิตโดยปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยานเปลี่ยนเป็นน้ำมันดีเซลแทนทำให้ ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 2.31 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์มีส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 163 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ 176 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับราคาคอนเดนเสต และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับลดลงของราคาวัตถุดิบคอนเดนเสตตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในไตรมาสนี้

ในขณะที่ธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการที่ดีขึ้นแม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เฉลี่ยลดลง จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ปริมาณการขายปรับตัวสูงขึ้นจากการกลับมาดำเนินการผลิตเต็มที่ ทำให้ Adjusted EBITDA Margin ในไตรมาสนี้ขึ้นจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 11 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทรับรู้จำนวน 807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากไตรมาสก่อนหน้าโดยหลักเป็นผลจากธุรกิจโพลีโพรพิลีน (PP) ดีขึ้น ขณะที่ผลประกอบการในส่วนของธุรกิจไบโอพลาสติกที่บริษัทดำเนินการผ่านบริษัท Natureworks สหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้น

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 7,113.37 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,644.92 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น