xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟใต้ดินฮาร์บินสะดวกสบายขั้นสุด สแกนทะลุหน้ากากแทนใช้ตั๋วเข้าสถานี

เผยแพร่:


ระบบจดจำใบหน้าสุดล้ำในเครือข่ายรถไฟใต้ดินฮาร์บินที่สามารถสแกนใบหน้าได้โดยไม่ต้องถอดหน้ากาก
นับจากต้นเดือนนี้ ผู้โดยสารรถไฟใต้ดินฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง สามารถสแกนใบหน้าจ่ายค่าตั๋วและผ่านเข้า-ออกจากสถานีได้โดยไม่ต้องถอดหน้ากากหรือหยิบสมาร์ทโฟนออกจากกระเป๋า ช่วยหลีกเลี่ยงการใช้ตั๋ว แบงก์ และการสัมผัสโดยตรงกับสิ่งต่างๆ จึงลดโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 นับเป็นเครือข่ายรถไฟใต้ดินแห่งแรกในจีนที่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำนี้

หลังจากดาวน์โหลดแอป “จี้ฮุ่ยซิง” ที่แปลว่าการเดินทางอัจฉริยะแสนสะดวกสบาย ในมือถือ ลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคล ผูกวิธีชำระเงิน และพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบจดจำใบหน้า ผู้โดยสารจะสามารถเข้า-ออกจากสถานีและใช้บริการรถไฟอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว โดยระบบนี้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (1)

จากข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไซต์รัฐบาลประชาชนเทศบาลฮาร์บินนั้น เครือข่ายสถานีรถไฟใต้ดินฮาร์บินถือเป็นเครือข่ายแรกในจีนที่รองรับการเข้า-ออกจากสถานีด้วยระบบจดจำใบหน้าขณะที่ผู้ใช้สวมหน้ากาก โดยขณะนี้ ฮาร์บิน เมโทรติดตั้งระบบจดจำใบหน้า 133 ระบบใน 27 สถานี

หยาน จุน ผู้จัดการทั่วไปศูนย์วิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) เฉิงตู จือหยวนฮุ่ย เผยว่า การใช้ระบบจดจำใบหน้าโดยไม่ต้องถอดหน้ากากในสถานีรถไฟใต้ดินทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องใช้ตั๋วจริง หยิบแบงก์และสมาร์ทโฟน จึงช่วยลดความเสี่ยงในการระบาดของไวรัสโคโรนา

จ้าว หยุนหลง ผู้อำนวยการแผนกตั๋วในสำนักงานใหญ่ฮาร์บิน เมโทร กรุ๊ป เสริมว่า การใช้ระบบนี้ยังช่วยลดเวลาในการเข้าคิวซื้อตั๋ว เดินผ่านเกต และขึ้นรถไฟ รวมถึงลดต้นทุนค่าแรงและวัสดุ

จ้าวสำทับว่า ระบบนี้จะสแกนใบหน้าของผู้โดยสารแบบ 3 มิติเมื่อผู้โดยสารป้อนข้อมูลในแอปพลิเคชันเพื่อลงทะเบียน และระบบนี้ยังสามารถรองรับสภาพแวดล้อมแสงที่ซับซ้อนทั้งหมด โดยมีอัตราการจดจำผิดพลาดไม่ถึง 1 ใน 100,000

ระบบนี้พัฒนาโดยจือหยวนฮุ่ย ร่วมกับเซนส์ ไทม์ บริษัทปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ชั้นนำของจีน

ก่อนเกิดโรคระบาด เมืองต่างๆ ในจีน เช่น ซีอาน เริ่มใช้ระบบจดจำใบหน้าในสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถระบุใบหน้าผ่านหน้ากากได้

ส่วนปักกิ่งนั้น สำนักข่าวซินหวารายงานไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า กำลังพิจารณาใช้ระบบจดจำใบหน้าจัดการการจราจรช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

ทั้งนี้ บริษัทวิจัย เจน มาร์เก็ต อินไซต์สคาดว่า จีนจะเป็นผู้นำตลาดเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าด้วยส่วนแบ่งตลาดเกือบ 45% ของตลาดโลกในปี 2023

เทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ดิจิตอลของจีน และถูกนำไปใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่การระบุตัวและประจานคนข้ามถนนโดยฝ่าฝืนสัญญาณไฟ ไปจนถึงการแก้ปัญหาการขโมยทิชชู่ในห้องน้ำสาธารณะ

สิ้นเดือนกันยายนนี้ การจดทะเบียนสมรสในซีอานจะเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด โดยหญิง-ชายที่ต้องการจดทะเบียนเป็นสามี-ภรรยากันเพียงแค่สแกนใบหน้าหรือบัตรประชาชนเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น