โรงงานน้ำตาลเกาะติดการใช้น้ำตาลใกล้ชิด หลังล่าสุด 9 เดือนแรกของฤดูการผลิตปี 62/63 (ต.ค. 62-มิ.ย. 63) ยอดใช้แตะระดับ 1.69 ล้านตัน คาดที่เหลืออีก 3 เดือนการใช้จะอยู่ที่ระดับเพียง 2.25 ล้านตัน จากที่ สอน.ประเมินไว้ปีนี้จะอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน หรือต่ำกว่าที่ประเมิน 10% เร่งจับมือชาวไร่อ้อยบริหารต้นทุน
นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญจากสถานการณ์ COVID-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เป็นผลให้ความต้องการบริโภคน้ำตาลในตลาดโลกชะลอตัวลง จากเดิมที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 2% ต่อปี โดยพบว่าช่วง 9 เดือนแรก ตั้งแต่เริ่มฤดูการผลิตปี 2562/63 (ตุลาคม 2562-มิถุนายน 2563) มีการบริโภคน้ำตาลรวมประมาณ 1.69 ล้านตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 187,500 ตัน และหากรวมการบริโภคในช่วง 3 เดือนที่เหลือของฤดูการผลิตปีนี้ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2563 คาดว่าอัตราการบริโภคภายในประเทศโดยรวมจะอยู่ประมาณ 2.25 ล้านตันเท่านั้น ต่ำกว่า 10% จากที่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ประมาณการไว้ที่ 2.5 ล้านตัน
นอกจากนี้ ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกยังหันมาผลิตน้ำตาลเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันตกต่ำ ไม่คุ้มค่ากับการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลเมื่อเปรียบเทียบรายได้จากน้ำตาล สร้างแรงกดดันต่อราคาตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำตาลทรายดิบอยู่ที่ประมาณ 11-12 เซ็นต์ต่อปอนด์ ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 15 เซ็นต์ต่อปอนด์ ขณะเดียวกันไทยในฐานะผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลกต้องเผชิญภาวะภัยแล้งรุนแรง ส่งผลให้ผลผลิตอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตปีนี้ (ปี 2562/63) ลดลงเหลือ 75 ล้านตัน
“จากการประมาณการเบื้องต้นของปริมาณผลผลิตอ้อยประจำฤดูการผลิตปีหน้า (ปี 2563/64) จะมีความใกล้เคียงกับฤดูการผลิตปีนี้ อย่างไรก็ตาม ชาวไร่มีความจำเป็นต้องเก็บอ้อยบางส่วนไว้ทำพันธุ์ จึงคาดการณ์ว่า ผลผลิตอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตปีหน้าลดลงกว่าเดิม เว้นแต่ว่าในช่วงต่อจากนี้จะมีปริมาณฝนตกกระจายทั่วถึงและต่อเนื่องในพื้นที่เพาะปลูก ก่อนการเก็บเกี่ยวอ้อยส่งเข้าหีบในช่วงเดือนธันวาคม 2563” นายสิริวุทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลได้ร่วมมือกันเพื่อผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ โดยฝ่ายโรงงานและชาวไร่ร่วมกันดูแลอ้อยเข้าหีบให้มีคุณภาพ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการรณรงค์และสร้างแรงจูงใจให้ชาวไร่ตัดอ้อยสดส่งเข้าหีบ ลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ รวมถึงการจัดเก็บใบอ้อยนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า โดยโรงงานดูแลประสิทธิภาพการหีบสกัดให้ได้น้ำตาลต่อตันอ้อยสูงที่สุด เร่งสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยนำอ้อย น้ำตาล ของเสีย และผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต มาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มูลค่าเพิ่มสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มฟาร์มาซูติคอล และผลิตภัณฑ์ไบโอเคมี เป็นต้น