xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.เฉือนงบลงทุนปีนี้ 1.5 หมื่นล้าน ชี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ยังไม่เริ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ปตท.ปรับลดแผนลงทุนปี 63 เป็น 5.39 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 6.93 หมื่นล้านบาท หรือลดงบลงทุนราว 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ลดงบในโครงการที่ยังไม่เริ่ม ทั้งในส่วนที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม เพื่อให้สอดรับภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ (28 พ.ค.) ได้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท. และบริษัทย่อยที่ ปตท.ถือหุ้น 100% และอนุมัติให้ปรับลดแผนการลงทุนสำหรับปี 2563 จากจำนวน 69,310 ล้านบาท เป็น 53,901 ล้านบาท ลดลง 15,409 ล้านบาท

โดยปรับลดงบลงทุนตามประเภทธุรกิจ ดังนี้คือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปรับลดงบลงทุนปีนี้เหลือ 3,461 ล้านบาท จากเดิมตั้งงบลงทุน 5,799 ล้านบาท หรือลดลง 2,338 ล้านบาท, ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ แผนลงทุนเดิมปีนี้ 9,579 ล้านบาท ปรับลดเหลือ 9,005 ล้านบาท ลดลง 574 ล้านบาท, ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ งบลงทุนเดิม 179 ล้านบาท ปรับลดเหลือ 117 ล้านบาท ลดลง 62 ล้านบาท


ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม งบลงทุนเดิม 5,836 ล้านบาท ปรับลดเป็น 3,722 ล้านบาท หรือลดลง 2,114 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ งบลงทุนเดิม 669 ล้านบาท ปรับลดเป็น 549 ล้านบาท หรือลดลง 120 ล้านบาท
ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย งบลงทุนเดิม 44 ล้านบาท ปรับลดเป็น 30 ล้านบาท หรือลดลง 14 ล้านบาท และการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% งบลงทุนเดิม 47,204 ล้านบาท ปรับลดเป็น 37,017 ล้านบาท หรือลดลง 10,187 ล้านบาท

ทั้งนี้ การทบทวนแผนการลงทุนข้างต้นส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนของบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม โดยส่วนใหญ่ปรับลดงบลงทุนของโครงการที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม โครงการลงทุนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังคงดำเนินการตามแผนการลงทุนเดิม เช่น โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5, โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากสถานีควบคุมความดันก๊าซฯ ราชบุรี-วังน้อยที่ 6, โครงการสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แห่งที่ 2 เป็นต้น


การทบทวนปรับลดแผนการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการบริหารจัดการ "ลด-ละ-เลื่อน" ให้เหมาะสมต่อสถานการณ์และสภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และสงครามราคาน้ำมัน
กำลังโหลดความคิดเห็น