xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นTravel Bubbleกู้ชีพท่องเที่ยวเอเชีย โพลล์ชี้ทัวริสต์จีนปักหมุดรอกลับมาไทย

เผยแพร่:


เอเชียฝากความหวัง Travel Bubble ช่วยพลิกฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวในยุคโรคระบาด
แม้วัคซีนป้องกันโควิดยังต้องรออีกนาน แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเอเชียเริ่มมีหวังจากไอเดีย “Travel Bubble” ที่ประเทศต่างๆ ร่วมกำหนดแนวทางเพื่ออนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างเสรีเหมือนเมื่อครั้งที่สถานการณ์ยังปกติสุขไร้โรคระบาด โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ไทยติด 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางที่ทัวริสต์จีนอยากมาเที่ยวหลังควบคุมโรคระบาดสำเร็จ

ขณะที่หลายประเทศในเอเชีย อาทิ ออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเก๊า นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และเวียดนาม พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างมากหรือไม่พบเลยตั้งแต่เดือนเมษายน อยู่ๆ คำว่า “bubble” ก็กลายเป็นวลียอดฮิตในหมู่ประเทศที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจที่ล้มพับจากไวรัสโคโรนาด้วยการรีสตาร์ทอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า เกาหลีใต้และจีนเปิดบับเบิลแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม เพื่อให้นักเดินทางประเภทธุรกิจเดินทางระหว่างเกาหลีใต้กับ 10 ภูมิภาคของจีน หากมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบทั้งก่อนและหลังจากเดินทางถึง

เกาหลีใต้ยังกำลังคุยกับเวียดนาม ฮังการี โปแลนด์ และคูเวต เพื่อทำข้อตกลงแบบเดียวกันนี้

ไม่กี่วันต่อมา ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์เห็นพ้องในหลักการ "trans-Tasman travel bubble"

กลางเดือนนี้ เกิดบับเบิลกลุ่มใหม่ประกอบด้วยเอสโตเนีย แลตเวีย และลิทัวเนีย และยังมีอีกหลายประเทศเล็งจับคู่กัน เช่น สิงคโปร์กับแคนาดา และออสเตรเลียกับประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก

หว่อง คิง ยิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง บอกว่า ทุกประเทศรู้ว่า ถ้าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จำเป็นต้องเปิดประเทศอีกครั้ง แต่ต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพราะไม่แน่ใจว่า จะเกิดการระบาดรอบสองหรือสามหรือไม่

ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ กำลังดำเนินการเพื่อเปิดพรมแดนรับนักเดินทางของกันและกัน โดยจะเริ่มอนุญาตการเดินทางทางธุรกิจที่สำคัญก่อนขยายไปยังการเดินทางท่องเที่ยวในอนาคต ประเทศเหล่านี้กำลังหาข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานเกี่ยวกับการตรวจเชื้อโควิดและติดตามผู้สัมผัสโรค

ประเทศต่างๆ ในเอเชียต่างตื่นเต้นยินดีกับแนวโน้มการฟื้นการเดินทาง เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้มายาวนาน

ปี 2018 รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 5.5% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์, 5.8% สำหรับมาเลเซีย, กว่า 11% สำหรับเวียดนามและไทย, 17.8% สำหรับกัมพูชา ขณะที่ชาวอินโดนีเซีย 70% พึ่งพิงรายได้จากอุตสาหกรรมนี้

แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนไวรัสระบาด สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกคาดว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเอเชียจะมีคนตกงานถึง 63.4 ล้านคนจากวิกฤตโควิด-19 ขณะที่สนามบินชางงีของสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากที่สุดอันดับ 17 ของโลก ปิดอาคารผู้โดยสาร 2 ใน 4 หลัง เนื่องจากจำนวนการเดินทางลดฮวบ จากที่เคยรองรับนักเดินทาง 5.63 ล้านคนในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว กลับเหลือแค่นักเดินทางขาเข้า 100 คนและขาออก 700 คนต่อวัน

หนึ่งในปัจจัยสนับสนุนกลยุทธ์รีสตาร์ทการท่องเที่ยวเอเชียคือนักท่องเที่ยวจีนที่ปีที่แล้วคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ของผู้ที่เดินทางไปสิงคโปร์ และกว่า 25% สำหรับไทย เฉพาะปี 2018 นักท่องเที่ยวจีนไปเยือนประเทศต่างๆ ในอาเซียนเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าจากปี 2003

ข่าวดีคือ จากการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวจีน 1,252 คนโดยสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเอเชีย-แปซิฟิก (PATA) เมื่อเดือนมีนาคม พบว่า 60% มีแผนท่องเที่ยวในปีนี้ถ้าสามารถควบคุมการระบาดได้ และ 35% เลือกไปยังประเทศที่อยู่เคียงข้างจีนตอนที่เกิดโรคระบาด

จุดหมายปลายทาง 5 อันดับแรกของผู้ตอบแบบสำรวจเหล่านี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย ยุโรป มัลดีฟส์ และสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นข่าวดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 27% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด 39.8 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ธุรกิจท่องเที่ยวของกัมพูชากำลังเตรียมแพ็คเกจที่ครอบคลุมมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัย อาทิ การเว้นระยะห่างบนรถบัสและในร้านอาหาร เพื่อเชิญชวนนักเดินทางจีน นอกจากนั้นกัมพูชายังยกเลิกการแบนการเดินทางจาก 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึงอเมริกา หากปฏิบัติตามข้อกำหนดบางอย่าง

สำนักงานขององค์การการท่องเที่ยวเกาหลีในปักกิ่งออกแคมเปญการตลาดออนไลน์สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งรวมถึงรายการเกมตอบคำถาม เช่นเดียวกับบริษัททัวร์สิงคโปร์ ไดนาสตี้ ทราเวล ที่บอกว่า กำลังหาวิธีดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา

อย่างไรก็ตาม ชิโวน ลินช์ นักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ มองว่า แม้มีวัคซีนและโรคระบาดจบแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นถึงระดับก่อนเกิดวิกฤต และนักเดินทางประเภทธุรกิจบางส่วนจะเลือกประชุมเสมือนแทน ส่วนนักท่องเที่ยวจะต้องการตัวเลือกการสำรองการเดินทางและที่พักที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น เที่ยวบินที่ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงได้

ผลสำรวจของ PATA ยังพบว่า นักเดินทางจีน 56% ต้องการท่องเที่ยวในประเทศมากกว่า เช่นเดียวกับเวียดนามที่สายการบินหลายแห่งเผยว่า ตั๋วเครื่องบินในประเทศกลับมาขายดีอีกครั้ง และทางการยังริเริ่มแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่โรงแรมและรีสอร์ทขานรับนโยบายรัฐด้วยการให้ส่วนลดนักท่องเที่ยวท้องถิ่น

หว่องจากมหาวิทยาลัยนันยาง สำทับว่า คนจะหันมาเที่ยวจุดหมายปลายทางที่ไม่พลุกพล่านมากขึ้น ขณะที่โพลล์ของไดนาสตี้ ทราเวลพบว่า ลูกค้าต้องการไปเที่ยวที่ที่สามารถขับรถท่องเที่ยวเองได้ เช่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ หรือรีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติหรือชายหาดในอินโดนีเซียและไทย และสถานที่ที่มีกิจกรรมกลางแจ้งให้ทำ มากกว่าการท่องเที่ยวในเมือง

ไมเคิล เจียม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาท่องเที่ยวของหงีอัน โพลิเทคนิค คาดหวังการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณเพื่อป้องกันการระบาดรอบสอง โดยขณะนี้เริ่มมีคนพูดว่า การท่องเที่ยวแบบ niche จะเติบโตเนื่องจากดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กๆ มากกว่าตลาดแมสส์ เขาทิ้งท้ายว่า อุตสาหกรรมนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองและค้นหาตลาดใหม่ๆ ในยุค new normal
กำลังโหลดความคิดเห็น