xs
xsm
sm
md
lg

Ibusiness review : "ซอสภูเขาทอง" ทำไมต้องมีหลายสูตร?

เผยแพร่:



กิจกรรมอย่างหนึ่งของคนที่ต้องอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ก็คือการทำอาหาร ส่งผลทำให้ผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายได้ ท่ามกลางการแข่งขันของเครื่องปรุงรสมากกว่า 70 แบรนด์จากผู้ผลิต 50 ราย โดยมีเจ้าตลาดอย่างซอสภูเขาทอง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในปี 2561 ประมาณ 57% รองลงมาคือแม็กกี้ 30% นอกนั้นคือ เด็กสมบูรณ์ ง่วนเชียง ทาคูมิ ฯลฯ

ซอสปรุงรสตราภูเขาทองที่วางจำหน่ายตามร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างค้าปลีก มีชื่อเสียงมานานกว่า 60 ปี อาจมีคนสงสัยว่า จากเดิมที่พบเห็นซอสปรุงรสฝาเขียว ใช้ทำอาหารกันในครัวเรือนและร้านอาหารทั่วไป มาวันนี้ภูเขาทองมีผลิตภัณฑ์หลากหลายสูตร ทั้งซอสปรุงรสฝาแดง ซอสปรุงรสฝาน้ำตาล แม้กระทั่งซอสปรุงรสลุงหนวด ฝาส้ม ต่างกันอย่างไร?

จากสถานการณ์โควิด-19 เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป สังคมคนเมืองจากที่เคยทานอาหารนอกบ้าน กลายมาเป็นทำอาหารที่บ้าน รวมทั้งสังคมต่างจังหวัดทำอาหารทานเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้ยอดขายซอสภูเขาทองเพิ่มขึ้น แต่จากเศรษฐกิจที่ซบเซา อาจได้เห็นกลยุทธ์ของคู่แข่งแบรนด์ต่างๆ จัดโปรโมชันลดราคาหรือแถมของพรีเมียมติดกับตัวสินค้ามากขึ้น


หากกล่าวถึงบริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) เกิดขึ้นจากบรรพบุรุษที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงรสอาหารมาตั้งแต่ปี 2497 มีโรงงานไทยเทพรสในซอยเกษมสุวรรณ (สุขุมวิท 50) เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ก่อนจะย้ายโรงงานมาอยู่ที่ถนนท้ายบ้าน ย่านปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ในปี 2513 ปัจจุบันมีทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้ามาดูแลกิจการ

ซอสภูเขาทองที่ขายในตลาด เริ่มจากซอสปรุงรสฝาเขียว ผลิตจากซอสถั่วเหลืองมากกว่า 75% ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่ใส่ผงชูรส MSG และไม่เจือสี อายุรักษา 24 เดือน ใช้สำหรับเหยาะ ผัด หมัก ต้ม และตุ๋น เช่น นำไปหมักเนื้อสัตว์เพื่อปิ้ง ย่าง หรือทอดตามความชอบ นำไปปรุงเป็นน้ำซุป ทำน้ำจิ้มแจ่ว หรือปรุงอาหารประเภทผัดผัก อาหารจานเดียว เมนูตุ๋น เมนูพะโล้ต่างๆ

ด้วยรสชาติเข้มข้น ติดลิ้น และมีกลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับภูเขาทอง ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุดของบริษัทฯ ขายดีอันดับ 1 ในประเทศไทยมากว่า 60 ปีแม้จะมีแบรนด์อื่นผลิตซอสปรุงรสฝาเขียวเข้ามาตีตลาดก็ตาม แต่ด้วยจุดเด่นที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนสูงที่สุด และรสชาติติดลิ้นผู้บริโภค ถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น


นอกจากซอสปรุงรสฝาเขียวแล้ว ยังมีซอสปรุงรสฝาแดง ด้วยคุณสมบัติซอสถั่วเหลืองมากถึง 88% ไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ไม่มีสารกันบูด และไม่เติมผงชูรส มีกลิ่นหอม กลมกล่อม สำหรับลูกค้ากลุ่มมืออาชีพที่จะนำไปปรุงอาหาร เหมาะกับเมนูตุ๋นหรือต้ม ที่ต้องการให้น้ำซุปมีความหอมมากยิ่งขึ้น เช่น เนื้อตุ๋น หมูตุ๋น ราคาจำหน่ายจะสูงกว่าซอสปรุงรสฝาเขียว

ส่วนซอสปรุงรสฝาน้ำตาล เหมาะสำหรับกลุ่มร้านอาหารที่เน้นเรื่องต้นทุน เพราะราคาไม่แพง เหมาะกับการใช้ปรุงอาหารทั่วไป ถูกกว่าซอสปรุงรสฝาเขียว แต่สามารถนำไปใช้ทำเมนู ผัด หมัก ต้ม และตุ๋นได้ทุกเมนู อาทิ นำไปหมักเนื้อสัตว์เพื่อปิ้ง ย่าง นำไปปรุงเป็นน้ำซุป ทำน้ำจิ้มแจ่ว โดยมีซอสถั่วเหลือง 63%

ส่วนซอสปรุงรสฝาเหลือง เป็นซอสปรุงรสเกรดพรีเมี่ยมจากซอสถั่วเหลืองถึง 84% สำหรับเหยาะจิ้ม กลิ่นจะหอมเป็นพิเศษแม้ไม่ต้องนำไปปรุงผ่านความร้อน ไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์ ไม่มีสารกันเสียและไม่เติมผงชูรส MSG ถือเป็นซอสสำหรับตั้งประจำโต๊ะอาหารเพื่อเหยาะจิ้มเพิ่มรสชาติให้กับทุกเมนู และเหมาะกับเมนูไข่ต่างๆ มีจำหนายตั้งแต่ขวดเล็กไปจนถึงแกลลอน


แต่ที่แปลกตากว่าใครก็คือ ซอสปรุงรสอาหาร ลุงหนวดฝาส้ม วางจำหน่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 โดยพัฒนาสูตรให้เหมาะกับทุกเมนูผัดโดยเฉพาะ มีการปรุงรสมาแล้วในน้ำซอสให้สามารถผัดได้อร่อย โดยใช้ซอสเพียงขวดเดียว บรรจุภัณฑ์โดดเด่น ทันสมัย หยิบจับง่าย น้ำหนักเบา เหมาะกับหลากหลายเมนู โดยเฉพาะเมนูผัด หรือจะใช้ปรุงเมนูไข่ต่างๆ

ซอสปรุงรสอาหารลุงหนวดฝาส้มแตกต่างจากซอสปรุงรสฝาอื่นๆ ตรงที่มีซอสถั่วเหลือง 58% น้ำ 25% น้ำตาล 9% เกลือ 6% ใช้โมโนโซเดียมกลูตาเมต (INS 621) และไดโซเดียม 5’ไรโบนิวคลิโอไตด์ (INS636) เป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหาร ไอโอดีน 3 มิลลิกรัม มีวัตถุกันเสีย แต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ อายุสินค้าเก็บไว้ได้นาน 36 เดือน วางจำหน่ายทั้งขวดเล็กและขวดใหญ่

นอกจากซอสปรุงรสแล้ว ไทยเทพรสมีผลิตภัณฑ์ซีอิ้วขาว ซีอิ้วถั่วเหลือง น้ำส้มสายชูกลั่น ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ ซอสหอยนางรม ซีอิ้วดำ น้ำจิ้มไก่ และซีอิ้วญี่ปุ่น รวมทั้งซื้อกิจการและจัดจำหน่ายซอสพริกศรีราชาพานิช ที่ผ่านมาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากขวดแก้วเป็นขวดเพ็ท และผลิตสินค้าไซซ์เล็ก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค


ไตรมาส 1/2563 บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) ระบุว่ามูลค่าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศ 590.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.40 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่าช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างค้าปลีก เพิ่มขึ้น 34.41 ล้านบาท คิดเป็น 18.55% เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากขึ้น

แต่กลุ่มร้านอาหารประเภทร้านสุกี้ ร้านหมูกะทะ และร้านก๋วยเตี๋ยว มียอดขายลดลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายในช่องทางการจำหน่ายค่าส่ง (ยี่ปั๊ว) หน่วยรถเงินสดลดลง รวมทั้งช่องทางการจัดจำหน่ายบริษัทส่งออกลดลง เนื่องจากปัญหาการขนส่งในต่างประเทศไม่สามารถรับสินค้าได้ ถึงกระนั้นเนื่องจากมีการขายซอสปรุงรสมากกว่าซอสข้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าลดลง

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ตราภูเขาทองมีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม นอกจากโมเดิร์นเทรดแล้ว ยังมีร้านค้าส่งกว่า 1,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 6,000 รายทั่วประเทศ ประกอบกับเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมานานกว่า 60 ปี จึงเป็นข้อได้เปรียบ ที่ยังไม่มีคู่แข่งรายใดเข้ามาตีตลาดซอสปรุงรสฝาเขียวแข่งกับภูเขาทองได้

(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)
กำลังโหลดความคิดเห็น