xs
xsm
sm
md
lg

OR ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO ต่อ ก.ล.ต.แล้ว

เผยแพร่:



ปตท.เผย OR ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO ต่อ ก.ล.ต.แล้ว เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 2,700 ล้านหุ้น กรีนชู 300 ล้านหุ้น โดย ปตท.ยังถือหุ้นใหญ่ไม่น้อยกว่า 75%

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (2 เม.ย.) บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท.ถือหุ้นทั้งหมด ได้ยื่นคำขออนุญาตเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งรวมไปถึงการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ร่างหนังสือชี้ชวน) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และพร้อมกันนี้ได้ยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ

การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน IPO ของ OR ในครั้งนี้ OR จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 2,700 ล้านหุ้น (ไม่รวมจำนวนหุ้นส่วนเกินสำหรับการให้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกิน) โดย OR จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 300 ล้านหุ้นเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นใน ปตท.เพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive Rights)

ทั้งนี้ หากมีความต้องการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมากกว่าจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ OR เสนอขายทั้งหมด อาจมีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพิ่มเติมในจำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้นให้แก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment Agent) เพื่อการส่งคืนหุ้นที่ยืมจาก ปตท.ในการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (หากมี) ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OR นั้น ปตท.จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ OR โดยจะถือหุ้นของ OR ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้วของ OR

การเสนอขายหุ้น IPO ของ OR ดังกล่าวจะกระทำได้ต่อเมื่อ OR ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากสำนักงาน ก.ล.ต. และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ ที่ OR จะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนที่จะมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วของ OR

นายชาญศิลป์กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้เงินในช่วงปี2564-67 เพื่อขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน ภายใต้แบรนด์ "ptt station" , การขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์ ในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ,การลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าธุรกิจน้ำมัน เพื่อสนับสนุนธุรกิจน้ำมัน ,การขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุปสงค์ในตลาด ,และการลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ

โครงการในอนาคต OR มีแผนการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติสำหรับปี 2563-67 เป็นจำนวนรวม 77,413.3 ล้านบาท โดยมีการขยายงานที่สำคัญ ได้แก่ การขยายเครือขายสถานีบริการน้ำมัน วางเป้าหมายจะเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่จำนวนประมาณ 137 แห่ง/ปี เปิดร้านคาเฟ่อเมซอนจำนวนประมาณ 437 แห่ง/ปี ร้านอาหารเท็กซัส ชิคเก้น เปิดเพิ่มจำนวน 40 แห่ง/ปี ร้านอาหารฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ จำนวน 35 แห่ง/ปี

ส่วนธุรกิจต่างประเทศ ในช่วงปี 2563-67 บริษัทมีแผนจะเปิดสถานีบริการน้ำมันแห่งใหม่ในต่างประเทศจำนวนประมาณ 71 แห่ง/ปี

สำหรับผลประกอบการปี2562 OR มีรายได้รวม577,134 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 594,128.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ และ 10,895.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,493.1 ล้านบาท

OR เป็นผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมชั้นนำของประเทศไทย โดยในปี 62 มีส่วนแบ่งทางการตลาดการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการประมาณ 40.5% ขณะที่มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันจำนวน 1,911 แห่งทั่วประเทศ และยังดำเนินธุรกิจศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto จำนวน 50 แห่ง มีร้านคาเฟ่อเมซอน จำนวน 2,912 ร้าน ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ จำนวน 281 ร้าน ซึ่งจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ที่ได้รับสิทธิอนุญาตแต่ผู้เดียวในประเทศไทย ได้แก่ "เท็กซัส ชิคเก้น" แบรนด์ที่ได้รับสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ในประเทศไทย ได้แก่ "ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ" และแบรนด์ที่เป็นเจ้าของ ได้แก่ "เพิร์ลลี่ ที" รวมถึงมีร้านสะดวกซื้อจำนวน 1,880 ร้าน ภายใต้แบรนด์ "จิฟฟี่" ที่บริษัทเป็นเจ้าของ และแบรนด์ "7-Eleven" ตามเงื่อนไขของสัญญาหลักความร่วมมือแต่เพียงผู้เดียวกับบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL)
กำลังโหลดความคิดเห็น