xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มวิศวะทิ้งร้านอาหารหรู เปิด “กะเพราซาวห้า” รถเข็นรักษ์โลก ปีเดียวขยาย 30 สาขา

เผยแพร่:



ในวันที่คนไทยกำลังเผชิญค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของไทยอยู่ในช่วงขาลง ผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัว เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ ด้วยเหตุนี้ หนุ่มวิศวะจากจังหวัดขอนแก่น “นายพงษ์พนัส มังคละคีรี” ยอมทิ้งร้านอาหารโก้หรู หันมาทำร้านกะเพราเล็กๆ ขายห่อละ 25 บาท จนวันนี้ กลายเป็นร้านกะเพราซาวห้า ที่คนไทยทั่วประเทศรู้จัก ด้วยสาขากว่า 30 แห่ง และตั้งเป้าสิ้นนปี 2563 เปิดเพิ่มได้ 100 สาขา

หลายคนก็เริ่มสงสัย เมนูกะเพราหมูห่อละ 25 บาท เมนูเดียว ทำไมได้รับการตอบรับจนสามารถเปิดสาขาได้มากถึง 30 สาขา ภายในปีเดียว และมีรายอื่นเปลี่ยนมาทำตาม ขนาดที่เรียกว่า กะเพราซาวห้า เต็มเมืองขอนแก่น ครั้งนี้ “นายพงษ์พนัส” หรือ คุณตั้ม จะบอกเล่าให้ฟังถึงความสำเร็จของกะเพราซาวห้า



“นายพงษ์พนัส มังคละคีรี” เจ้าของ กะเพราซาวห้า
สำหรับกะเพราซาวห้า เริ่มเมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้ และที่มาทำกะเพราซาวห้า ในครั้งนี้ ก็เกิดมาจากคำพูดของ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า ค่าครองชีพสูง เพราะพวกคุณทำมันเอง และหันมาปรึกษากับแฟนว่า ถ้าอย่างนั้นลองทำอาหารราคาถูกดู ว่าแล้วทำได้ไหม อย่างที่นายกฯพูด แฟนบอกว่า ถ้าเราบริหารดีน่าจะทำขายได้ ช่วงแรกเปิดขายตอนนั้นไม่ได้มีค่าเช่า บริหารจัดการแค่ต้นทุนวัตถุดิบ และขายอย่างเดียว คือ กะเพราหมู ทำใส่ห่อให้ลูกค้าซื้อกลับไปกินที่บ้าน

“แม้ว่าเราจะขาย 25 บาท แต่ทุกอย่างทำเหมือนกับกะเพราที่ขายทั่วไป โดยกะเพรา 1ห่อจะใช้หมูปริมาณ 1 ขีด ส่วนรสชาติก็ให้ความสำคัญ เช่นกัน ซึ่งผมทำร้านอาหารมาก่อน ส่วนเมนูกะเพราเป็นสูตรที่ผมได้คิดค้นมาระยะหนึ่ง พร้อมกับทำน้ำซอสที่เป็นสูตรสำเร็จ เพื่อให้ทุกห่อมีรสชาติเดียวกัน”


นายพงษ์พนัส เล่าถึง เทคนิคการผัดกะเพรา ให้สามารถขายราคา 25 บาท และได้กำไรจนร่ำรวยถึงทุกวันนี้ ว่า ต้องขอบคุณ “นายกรัฐมนตรีประยุทธ์” เพราะถ้าวันนั้นฟังผ่านไปเฉยไม่กลับมาลองคิดทำก็คงไม่เกิดกะเพราซาวห้าในวันนี้ ซึ่งเทคนิคการทำกะเพรา 25 บาทให้ได้กำไร ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรอะไร เพราะเมนูกะเพราไม่ได้มีส่วนผสมอะไรมากมาย ต้นทุนเพียงแค่วัตถุดิบหลัก คือ หมู ส่วนกะเพราก็ไม่ได้แพง ที่สำคัญ คือ คิดค้นสูตรทำน้ำซอสสำเร็จรูป ตัวนี้ทำให้ควบคุมต้นทุนได้เช่นกัน และการผัดกะเพราของเราจะไม่ใช่น้ำมัน ต้นทุนมีเพียง พริก กระเทียม กะเพรา น้ำซอส และหมู และค่าพลังงานแก๊ส รวมทุกอย่าง ค่าแรง ค่าเช่า และกระดาษ ถุง รวมๆต้นทุนอยู่ที่ประมาณห่อละ 15 บาท กำไรต่อห่อประมาณ 10 บาท

นอกจากนี้ ใช้เทคนิคการผัดครั้งละมากๆ อย่างน้อย 10 ห่อ การที่ไม่ได้ผัดที่ละห่อ ต้นทุนค่าพลังงานแก๊สประหยัดไปได้ และการใช้น้ำซอสสำเร็จรูป แม้จะผัดครั้งละมาก รสชาติเหมือนเดิม และการที่ใช้การชั่งตวงวัดทุกอย่าง เป็นการควบคุมต้นทุนได้เช่นกัน

สำหรับร้านกะเพราซาวห้า ถือได้ว่าเป็นผู้จุดกระแสกะเพรา 25 บาท ที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอื่นๆ เพราะหลังจาก “คุณตั้ม” ประสบความสำเร็จ มียอดขายต่อวันไม่ต่ำกว่า 300 ห่อ และเคยขายได้สูงสุดถึง วันละ 600 ห่อ ส่วนการขยายสาขาได้มากถึง 30 สาขา มาจากเพื่อน “คุณตั้ม” เห็นว่าขายดี ก็ขอเอาไปทำบ้าง ก็เลยเป็นที่มาของการขยายสาขาไปจังหวัดอื่นๆ และเกิดการบอกต่อๆ กัน จนยอดกลายเป็นแฟรนไชส์ ราคาแฟรนไชส์อยู่ที่ 35,000 บาท


“ตอนที่ผมเลือกขายแค่กะเพราหมูเมนูเดียว ทุกคนในครอบครัว มองว่าจะทำรายได้สักเท่าไหร่ และยังขายแค่ 25 บาท จากเดิมที่เคยทำร้านอาหารใหญ่โต และมาขายกะเพรา ไม่มีใครเห็นด้วย แต่เรากลับมองว่า น่าจะทำได้ เพราะอย่างเมนูไข่เจียว เขาขายข้าวไข่เจียวเมนูเดียว ยังรวยได้เลย ที่สำคัญไม่ต้องเหนื่อย กับการทำอาหารหลายเมนู ไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุน เพราะทุกอย่างถูกเซ็ทมาแล้ว หลังจากประสบความสำเร็จ ทุกคนหันกลับมามองว่าทำได้จริงและทำได้มากกว่าการทำร้านอาหารที่เคยทำเสียอีก สุดท้ายเลิกกิจการร้านอาหารมาขายกะเพราซาวห้าอย่างเต็มตัว”

นายพงษ์พนัส กล่าวว่า ที่สำคัญกว่าความสำเร็จในวันนี้ คือ สามารถสร้างอาชีพให้หลายคนได้รวยไปกับเราด้วย และสำคัญไปกว่านั้น คือ ช่วยลดค่าครองชีพ ให้กับคนไทย วันนี้ ยังทำให้คนที่ยากจนได้มีของอร่อยและดีกิน และคนที่ร่ำรวยขับรถเบนซ์หันมากินข้าวผัดกะเพราซาวห้าของเรา และล่าสุดเตรียมจะมาเปิดในกรุงเทพฯ ที่ใจกลางเมืองอย่าง อนุสาวรียัชัยสมรภูมิ และประตูน้ำ ช่วยคนกรุงลดค่าครองชีพ ในภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ซึ่งถ้าผู้ที่สนใจ ต้องการขายกะเพราซาวห้า เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ FB:กะเพราซาวห้า


รถเข็นรักษ์โลกผลงานการประดิษฐ์ และคิดค้น ทีม สวทช.

กะเพราซาวห้า ร่วมจุดประกายสร้างรถเข็นรักษ์โลก ยกระดับอาหารริมทาง


สำหรับกะเพราซาวห้า รายนี้ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะเขามีรางวัลการันตี จากได้รับรางวัลรองชนะเลิศในการประกวด GSB STREET FOOD ของธนาคารออมสิน และจากการได้รับรางวัลดังล่าว ครั้งนั้น ได้ “เชฟชุมพล แจ้งไพร” เชฟมิชลีนสองดาวคนแรกของประเทศไทย มาเป็นโค้ชให้ ซึ่งตอนนั้นเชฟแนะนำหลายอย่าง รวมถึง การแนะให้ทาง คุณพงษ์พนัส ทำรถเข็นที่ได้มาตรฐานให้กับแฟรนไชส์ เพื่อจะได้ยกระดับสตรีทฟู้ด เมืองไทย และนำแนวคิดนี้ไปปรึกษากับทาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้ออกมาเป็นรถเข็นรักษ์โลกเพื่อสตรีทฟู้ด

โดยทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์บริการปรึกษาออกแบบและวิศวกรรม (DECC) ได้ทำการเปิดตัวนวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลก ไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมี ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธาน พร้อมกับ กล่าวถึง รถเข็น ดังกล่าวว่า ช่วยให้การยกระดับสตรีทฟู้ดไทย ให้ได้มาตรฐานทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัย โดยรถเข็นดังกล่าวเป็นนวัตกรรมต้นแบบ ที่มีลักษณะ คือ น้ำหนักแบบ มีระบบน้ำดี ถังบำบัดและซิงค์น้ำ ระบบดูดและบำบัดควัน หัวเตาแก๊ส 2 หัว รวมถึงมีตู้เก็บความเย็น พร้อมแท่นรับพ่วงข้าง ตอบโจทย์นโยบาย BCG Economy Model





ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธาน
ด้าน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. โดยศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม ได้พัฒนานวัตกรรมรถเข็นรักษ์โลกในเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบที่สุด และเตรียมส่งมอบให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการจำนวนไม่น้อยกว่า 100 คัน ให้ผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดได้ใช้งานจริง และยังสนับสนุนงบประมาณบางส่วน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระโดยร่วมกับธนาคารออมสิน

นอกจากนี้ นางปรางมาศ เธียรธนู ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานลูกค้ารายย่อยและองค์กรชุมชนกลุ่มลูกค้าฐานราก กล่าวเสริมว่า ธนาคารจะมีงบประมาณสนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รถเข็นไปใช้ในราคาเพียง 20,000 บาท และธนาคารยังมีแคมเปญเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นแคมเปญพิเศษ เพื่อผู้ประกอบการในโครงการนี้ จำกัดเพียง 100 รายแรก



กะเพราซาวห้า เมื่อครั้งประกวด GSB STREET FOOD  ได้โค้ช เชฟชุมพล
ศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (DECC) ได้วางรูปแบบการพัฒนารถเข็นรักษ์โลก ไว้ จำนวน 4 โมเดลหลัก เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ประกอบการสตรีทฟู้ด ดังนี้ 1) รถเข็นน้ำหนักเบาพร้อมระบบน้ำดี, ถังบำบัดและซิงค์น้ำ ราคา 45,000 บาท 2) รถเข็นน้ำหนักเบาพร้อมระบบน้ำดี, ถังบำบัดและซิงค์น้ำ +ระบบดูดควัน ราคา 60,000 บาท 3) รถเข็นน้ำหนักเบาพร้อมระบบน้ำดี, ถังบำบัดและซิงค์น้ำ+ ระบบดูดควัน + หัวเตาแก๊ส 2 หัว ราคา 75,000 บาท และ 4) ระบบตู้เก็บความเย็นพร้อมแท่นรับพ่วงข้าง ราคา 15,000 บาท ซึ่งภายใต้โครงการนี้ สวทช. จะทำให้ราคาเป้าหมายของรถเข็นนวัตกรรรมรักษ์โลก เป็นราคาที่ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงได้


สนใจ ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-564-6310




* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *

SMEs manager

กำลังโหลดความคิดเห็น