ปัจจุบันสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี (Cyptocurrency) เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin), อีเธอร์เลียม (Ethereum) ฯลฯ กำลังเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แม้ในประเทศไทยจะยังไม่มีคุณสมบัติเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายก็ตาม แต่ในต่างประเทศกลายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนแทนสกุลเงินต่างๆ
ถึงกระนั้น การนำคริปโตเคอเรนซีมาใช้ในชีวิตประจำวัน จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผูกกับคริปโตเคอเรนซี หนึ่งในนั้นคือ "ไวเร็กซ์" (WIREX) บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่ขณะนี้กำลังทำการตลาดด้วยการออกบัตรฟรี ส่งจากสิงคโปร์มาที่เมืองไทย แถมให้เงินดิจิทัลฟรีเมื่อเปิดใช้งานบัตรสำเร็จ
สำหรับบัตรไวเร็กซ์ เป็นบัตรเดบิตวีซ่าที่รองรับสกุลเงินหลัก 12 สกุล ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD), ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD), เยน (JPY), ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD), ยูโร (EUR), ปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ (GBP) โครูนาเช็ก (CZK), เปโซเม็กซิโก (MXN), ดอลลาร์แคนาดา (CAD) และฟรังก์สวิส (CHF)
ผนวกกับสกุลเงินดิจิทัล 8 สกุลเงิน ได้แก่ บิตคอยน์ (BTC), อีเธอร์เลียม (ETH), ไลท์คอยน์ (LTC), ริปเปิล (XRP), ได (DAI), นาโน (NANO) และไวเร็กซ์โทเคน (WXT) รวม 19 สกุลเงิน ให้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินหลักเพื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตามร้านค้าที่รับบัตร VISA โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนผ่านตัวกลางเพื่อเป็นเงินสดอีกต่อไป
นอกจากนี้ ในกรณีที่ใช้จ่ายผ่านบัตรยังได้เงินคืนผ่านโปรแกรมคริปโตแบ็ค (Cryptoback) โดยจะได้รับเป็นหน่วยซาโตชิ (Satoshi) ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของบิตคอยน์ได้อีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใด คือการอำนวยความสะดวกให้คนที่ถือเงินสกุลดิจิทัลอยู่แล้ว รวมถึงคนที่ต้องการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลผ่านการเติมเงิน ด้วยอัตราที่ถูกที่สุด
ปัจจุบัน (ณ เดือนมกราคม 2563) ไวเร็กซ์เปิดให้ผู้สนใจสมัครบัตรฟรี ออกบัตรฟรี ส่งฟรีจากประเทศสิงคโปร์ผ่านบริษัทขนส่งดีเอชแอล และเมื่อทำการเปิดใช้งานบัตร (Activate) จะได้รับเงินสกุลดิจิทัล สามารถแลกเงินเพื่อใช้จ่ายผ่านร้านค้าได้ทันที
สำหรับการสมัครบัตร ให้เข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WIREX จากนั้นเลือกประเทศ กรอกอีเมล รหัสผ่าน แล้วเปิดอีเมลเพื่อเข้าไปกดยืนยัน จากนั้นกรอกข้อมูลที่อยู่ทางไปรษณีย์เป็นภาษาอังกฤษ ใส่ชื่อ นามสกุล สัญชาติ ก่อนจะให้ถ่ายภาพหน้าบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง ทำการเซลฟี่วีดีโอและให้พูดตัวเลขภาษาอังกฤษ 3 หลัก
จากนั้นให้กรอกข้อความสำหรับเตือนความจำ (Memorable word) 6-20 ตัวอักษร ประกอบด้วย Word และ Hint ก่อนที่จะสั่งบัตรโดยเข้าไปที่ Cards เลือก Order Card ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องมีเงินขั้นต่ำ และยังส่งฟรีผ่านบริษัทขนส่งดีเอชแอล จากสิงคโปร์มายังประเทศไทย ซึ่งจะมีรหัสตรวจสอบสถานะ (Tracking Number) จากดีเอชแอล
หลังจากได้รับบัตรเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการเปิดใช้งานบัตรโดยกรอกตัวเลข 4 หลักสุดท้าย และเดือน-ปีที่หมดอายุ และกรอกรหัส 4 หลัก หลังเปิดใช้บัตรแล้วจะได้รับเงินสกุลดิจิทัลนาโนฟรี 20 NANO (ประมาณ 11-12 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สามารถแลกเป็นเงินสกุลที่เราต้องการ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้จ่ายตามร้านค้าที่รับบัตรวีซ่าได้ทันที
ส่วนการใช้จ่ายผ่านบัตร สามารถใช้ได้ตามร้านค้าที่รับบัตรวีซ่ามากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยโดยไม่มีขั้นต่ำ โดยระบบจะหักเงินในแอปฯ เป็นสกุลเงินที่เราเลือก ในอัตราที่ใกล้เคียงกับเงินบาทไทย โดยจะได้เงินคืนคริปโตแบ็คเป็นซาโตชิทุกครั้งที่ใช้จ่าย นอกจากนี้ยังสามารถถอนเงินสดโดยเสียค่าธรรมเนียม 220 บาท
สำหรับการเติมเงิน นอกจากจะเติมผ่านคริปโคเคอเรนซีที่รองรับแล้ว สามารถลงทะเบียนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเพื่อเติมเงินลงในบัญชีคริปโคเคอเรนซีได้อีกด้วย โดยเติมเงินขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ค่าธรรมเนียม 0.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ) สามารถใช้บัตรเติมเงินที่ไม่มีค่าความเสียงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5% เติมเงินสกุลดิจิทัลได้
อย่างไรก็ตาม แม้บัตรใบนี้จะเป็นเครื่องมือในการใช้จ่ายเงินสกุลดิจิทัลที่สะดวก แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีเงินสกุลดิจิทัลมาก่อน เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายกำหนดให้คริปโตเคอเรนซี อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานใดเป็นการเฉพาะ อีกทั้งราคายังมีความผันผวนสูง จึงควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนอย่างยิ่ง
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)
