xs
xsm
sm
md
lg

BC ใช้เกณฑ์มาร์เกตแคป ต่ำจองตามรุ่นพี่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



และแล้วก็ไปไม่รอดจนได้อีกตัวหนึ่ง สำหรับหุ้นน้องใหม่ บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ที่เปิดเทรดวันแรกที่ 2.40 บาท ลดลง 0.46 บาท ต่ำจอง 16.08% จากราคา IPO ที่ 2.86 บาท ซึ่งปิดเทรดวันแรกราคาอยู่ที่ 2 บาท ลดลง 0.86 บาท หรือลดลง 30.07% มูลค่าซื้อขาย 185.02 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นน้องใหม่อสังหาริมทรัพย์ตัวล่าสุดที่เปิดเทรดต่ำจองตามรุ่นพี่ SHR มาติดๆ แถมยังเป็นหุ้นที่ใช้เกณฑ์มาร์เกตแคปในการเข้าซื้อขายเหมือนกันอีกต่างหาก ขนาดว่าจำนวนหุ้นเสนอขาย (IPO) ไม่มากเพียง 167 ล้านหุ้นเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถยืนเหนือจองได้

สำหรับ BC ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในรูปแบบสร้าง-ดำเนินงาน-ขาย (Build-Operate-Sell : BOS) ประเภทโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า เช่น ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานให้เช่าบนทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ เช่น ย่านสุขุมวิท และเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยโครงการรูปแบบ BOS ที่จำหน่ายออกไปแล้วมีจำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,525 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดดำเนินการจำนวน 9 โครงการ นอกจากนี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา จำนวน 8 โครงการ รวมถึง BC ยังให้บริการด้านบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

บริษัทมีรายได้จาก 3 ช่องทางหลัก คือ 1. รายได้จากค่าเช่า หลังจากเปิดดำเนินการโครงการใหม่ๆ 2. รายได้การขายโครงการ และ 3. รายได้จากค่าบริหารโครงการและค่าธรรมเนียม หลังจากขายโครงการ โดยลักษณะการรับรู้รายได้และกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นสูงเมื่อมีการจำหน่ายโครงการออกไป

ทั้งนี้ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ BC กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงในการเข้าซื้อขายวันแรกเกิดจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งหุ้นไอพีโอธุรกิจใกล้เคียงกันที่เข้าตลาดก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวลดลงแรงเช่นกัน ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า BC เข้าจดทะเบียนด้วยเกณฑ์ Market Cap. ซึ่งด้วยโมเดลธุรกิจในลักษณะ Asset play ซึ่งทำให้กำไรผันผวน ดังนั้น จึงต้องมองไปที่ P/BV ของราคาเสนอขาย ซึ่งประเมินหลัง IPO ที่ 1.4 เท่า มีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยกลุ่มอสังหาฯ ใน SET ที่ 1.64 อยู่ 15% และสำหรับการเก็งกำไร จึงมองกรอบเพดานราคาที่ 3.30 บาท +/- หรือ +15% จากราคาจอง 2.86 บาท

นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BC ระบุว่า รายได้บริษัทจะเติบโตเท่าตัวในปี 64 จากระดับปัจจุบันที่ทำได้ราว 700-800 ล้านบาท ซึ่งหลังจากได้เงินระดมทุนทำให้มีโอกาสในการเปิดโครงการใหม่เพื่อขายเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าขายปีละไม่ต่ำกว่า 4 โครงการ จากเดิมปีละ 1-2 โครงการ ซึ่งมูลค่าต่อโครงการเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 477 ล้านบาทจะนำไปใช้ขยายธุรกิจ โดยใช้ลงทุนในโครงการเชียงใหม่ Nimman 2-3, โครงการ Summer Point, โครงการโรงแรมบนถนนสุขุมวิท 16, โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บนถนนสุขุมวิท 36 และโครงการกมลา 1-2 ประมาณ 150 ล้านบาท รวมถึงใช้คืนหนี้ประมาณ 275 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา (Build) จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,934 ล้านบาท คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2562 จำนวน 1 โครงการ ส่วนที่เหลือจะทยอยแล้วเสร็จถึงปี 2563 พร้อมตั้งเป้าหมายอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15%

บล.ทิสโก้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ BC ที่ 2.96 บาท อิง PBV ที่ 1.02 เท่าสำหรับปี 2020F โดยผลประกอบการของ BC มีความผันผวนที่สูง และมีกำไรจากการปรับมูลค่าที่เหมาะสมของสินทรัพย์เดิมทำให้ในช่วงที่ผ่านมาการประเมินราคาเบื้องต้นทำได้ยาก และมีความเสี่ยงสำคัญคือ การดำเนินงานของธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมที่อาจทำให้แผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ล่าช้าลงไป

เรียกได้ว่า 3 อสังหาฯ น้องใหม่คงยังต้องฝ่าด่านหินตลาดหุ้นผันผวนช่วงปลายปีกันหนักหน่อย ประเมินแล้วยักษ์ใหญ่อย่าง AWC-SHR จะมีภาษีดีกว่า เพราะโครงการในมือและปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวคอยสนับสนุน และที่สำคัญคือการมีผู้หุ้นใหญ่ในเครือช้าง และสิงห์ ที่หนุนหลัง



กำลังโหลดความคิดเห็น