“เคานต์ดาวน์” เชนซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่สุดในแดนกีวี จัดช่วง Quiet Hour หรือช่วงเวลาพิเศษที่ลูกค้าออทิสติกและผู้ที่มีความบกพร่องในการประมวลผลทางประสาทสัมผัสอื่นๆ สามารถเดินซื้อของได้สบายใจขึ้นในบรรยากาศเงียบสงบ ไฟไม่จ้าเกินไป และพยายามลดสิ่งเร้าให้เหลือน้อยที่สุด หลังได้รับคำแนะนำจากพนักงานที่มีลูกออทิสติกและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีระหว่างทดลองนานหนึ่งปี ในจำนวนนี้รวมถึงลูกค้าสูงวัย คนที่เพิ่งฟื้นจากโรคหลอดเลือดสมองหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ และผู้ที่รู้สึกเครียดเวลาช้อปปิ้ง
ทุกวันพุธ ระหว่างเวลา 14.30-15.30 น. นับจากวันที่ 23 ตุลาคมเป็นต้นมา ซูเปอร์มาร์เก็ตเคานต์ดาวน์จะหรี่ไฟส่องสว่าง ปิดไฟในตู้แช่ ปิดเพลง หยุดการประกาศข่าวประชาสัมพันธ์ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งหยุดการบรรจุ-การจัดวางสินค้าบนชั้น การลากรถเข็นเก็บ รวมทั้งยังลดเสียงเครื่องคิดเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
เคิร์สเตน ดินแนน ผู้จัดการเคานต์ดาวน์ อธิบายว่า การพยายามสร้างบรรยากาศเงียบสงบใกล้เคียงห้องสมุดทำให้พบว่า ในบรรยากาศดังกล่าว ผู้คนมีแนวโน้มควบคุมตัวเองและพยายามไม่พูดหรือทำให้เกิดเสียงดังน้อยที่สุด
แนวคิด Quiet Hour นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วที่ดินแนนพยายามค้นหาวิธีช่วยเหลือชุมชนในเมืองมาร์ตันบนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ที่เธอเป็นผู้จัดการซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในตอนนั้น
อยู่มาวันหนึ่ง ธีโอ ฮ็อกก์ พนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ต แนะนำการเปลี่ยนแปลงนี้ หลังจากที่เขาเจอปัญหาเวลาไปซื้อของกับลูกชายที่เป็นออทิสติก
ดินแนนบอกว่า สำหรับคนทั่วไปการเข้า-ออกซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นกิจวัตรปกติ แต่สำหรับคนที่มีความบกพร่องในการประมวลผลทางประสาทสัมผัสกลับเป็นกิจกรรมที่ยากลำบากมาก เนื่องจากมีสิ่งเร้ามากมาย
เธอยังบอกว่า การทดลองในบางสาขานานหนึ่งปีได้รับผลตอบรับดีมาก ทำให้บริษัทตัดสินใจนำวิธีนี้มาใช้กับซูเปอร์มาร์เก็ต 180 สาขา ยกเว้นเพียง 2 สาขาในโอ๊คแลนด์และเวลลิงตัน
เดน ดูแกน ประธานบริหารออทิสม์ นิวซีแลนด์ ซึ่งให้คำแนะนำเคานต์ดาวน์ในโครงการนี้ ชมว่า แนวทางของเชนซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้สะท้อนว่า การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นหนึ่งเดียวและยอมรับความหลากหลายในสังคมซึ่งจะส่งผลลัพธ์แง่บวกต่อผู้คนมากมาย
กลุ่มอาการออทิสติกจะทำให้วิธีคิด การรับรู้โลกภายนอก และทักษะสังคมของผู้ที่มีอาการนี้แตกต่างจากคนทั่วไป ผู้ป่วยออทิสติกอาจไม่ชอบเสียงดัง แสงจ้า และกลิ่นบางอย่าง และชอบที่จะมีกิจวัตรแบบเดิมๆ ทุกวัน โดยผลการศึกษาพบว่า เด็กอายุ 8 ขวบทุก 59 คนจะมี 1 คนที่มีความผิดปกตินี้ และเด็กผู้ชายมีโอกาสเป็นออทิสติกมากกว่าเด็กผู้หญิง 4 เท่า
นอกจากนั้น ระหว่างการทดสอบยังพบว่า โครงการนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็นออทิสติกเท่านั้น คิรี ฮันนิฟิน พนักงานของเคานต์ดาวน์ เล่าว่า ลูกค้าหลายคนชอบไอเดียนี้ โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่ดูแฮปปี้มาก รวมไปถึงลูกค้าอื่นๆ เช่น ครอบครัวที่มีลูกเล็ก คนที่เพิ่งฟื้นจากโรคหลอดเลือดสมองหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ และคนที่รู้สึกเครียดเวลาเดินซื้อของ
ดินแนนทิ้งท้ายว่า รู้สึกดีที่ได้ช่วยลดความเครียดในชีวิตผู้คนและทำให้ประสบการณ์ในทุกๆ วันง่ายขึ้น
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตในบางประเทศ เช่น มอร์ริสสัน หนึ่งในเชนซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่สุดของอังกฤษ และโคลส์ เชนซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำของออสเตรเลีย ริเริ่มโครงการคล้ายกันนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า คอนเซ็ปต์นี้มีความเป็นมาอย่างไร