การเปิดตัวศูนย์การค้าไอคอนสยาม กลางถนนเจริญนคร เมื่อปีที่แล้ว มาพร้อมกับการแจ้งเกิดห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรีลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น “สยาม ทาคาชิมายะ” (Siam Takashimaya) ที่ร่วมทุนระหว่างบริษัทลูก ทาคาชิมายะสิงคโปร์ 51% กับกลุ่มไอคอนสยาม 49% เปิดให้นักชอปเข้ามาสัมผัสตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าผลประกอบการยังน่าตกใจ
จากการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของบริษัทแม่ ทาคาชิมายะ ประเทศญึ่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา พบว่า สยาม ทาคาชิมายะ รายได้สุทธิจากการดำเนินงาน (Operating Income) ต่ำกว่าเป้าหมาย สวนทางกับทาคาชิมายะ สิงคโปร์ ที่มีรายได้เกินกว่าเป้าหมาย รวมทั้งเซี่ยงไฮ้ของจีน และเวียดนาม
โดยพบว่า สยาม ทาคาชิมายะ มีรายได้จากการดำเนินงาน (Operating revenue) 800 ล้านเยน (222 ล้านบาท) ขาดทุน 400 ล้านเยน (111 ล้านบาท) ต่างจาก ทาคาชิมายะ เวียดนาม ที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 900 ล้านเยน (249 ล้านบาท) แต่อยู่ในระดับเสมอตัว ส่วนทาคาชิมายะ สิงคโปร์ มีรายได้จากการดำเนินงาน 8,200 ล้านเยน (2,277 ล้านบาท) รายได้สุทธิจากการดำเนินงาน มากถึง 2,200 ล้านเยน (611 ล้านบาท)
สองเหตุผลหลักที่ สยาม ทาคาชิมายะ อธิบายถึงผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายก็คือ โครงสร้างพื้นฐานทางรางล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งหมายถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง (กรุงธนบุรี-คลองสาน) ที่กำลังก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2563 และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนสินค้าที่นำมาจำหน่าย (Re-merchandising)
หากพิจารณาถึงสภาวะตลาดและการแข่งขัน พบว่าคู่แข่งโดยตรงคือ “กลุ่มเซ็นทรัล” กับ “กลุ่มเดอะมอลล์” รวมทั้งผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้ารายอื่นๆ ร้านสินค้าปลอดอากร และร้านจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ที่เป็นคู่แข่งขันทางอ้อม เนื่องจากมีลูกค้าหรือโอกาสของการจับจ่ายที่แตกต่างกัน
โดยแต่ละห้างและร้านค้าจะเจาะกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน ทั้งกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ชื่นชอบความหรูหรา กลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในระดับปานกลาง นอกจากนี้ ยังมีตลาดชอปปิ้งออนไลน์เข้ามามีบทบาทตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกรวดเร็วอีกด้วย
สำหรับ สยาม ทาคาชิมายะ ถูกวางให้เป็นห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรี ผสมผสานระหว่างห้างสรรพสินค้าในไทยและทาคาชิมายะของญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 180 ปี มีพื้นที่ขายทั้งหมด 7 ชั้น กว่า 36,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยซูเปอร์มาร์เกต TakaMarche เครื่องสำอาง แฟชั่นสตรี บุรุษ เด็ก ของใช้ในบ้าน และโซนร้านอาหาร Rose Dining
ที่ผ่านมา สยาม ทาคาชิมายะ พยายามสรรหาแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในห้างฯ เช่น นำแบรนด์ลักชัวรีแฟชั่นจากญี่ปุ่น เข้ามาจำหน่ายในคอลเลกชันล่าสุด หรือจะเป็นการเปิดตัว “ลิตเติ้ล วัน คลับ” กิจกรรมและสิทธิประโยชน์สำหรับเด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 14 ปี เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว รวมทั้งยังมีงานเซลอย่างต่อเนื่อง ลดสูงสุดถึง 70%
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ CRM ได้แก่ บัตรสมาชิกสยาม ทาคาชิมายะ รับคะแนนสะสมเพื่อแลกบัตรกำนัลเงินสด และบัตรเครดิตสยาม ทาคาชิมายะ ร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา รับคะแนนสะสมสูงสุด 10 เท่าทุกยอดใช้จ่าย 25 บาท ส่วนลดสูงสุด 10% และรับสิทธิ์ที่จอดรถฟรีสูงสุด 8 ชั่วโมง พร้อมส่วนลดสูงสุด 5% ที่ห้างทาคาชิมายะในต่างประเทศ
นับตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นเปิดกิจการในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2507 คือ ห้างไทยไดมารู เสมือนเป็นใบเบิกทางให้ค้าปลีกจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย แม้สภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และการแข่งขันของยักษ์ค้าปลีกไทยที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคทุกยุคทุกสมัย แต่ก็ยังคงมีห้างสัญชาติญี่ปุ่นหลายแห่งยังเปิดให้บริการ โดยมีกลุ่มลูกค้าประจำและกลุ่มนิชมาร์เกตอยู่
แม้ในปีแรกจะเริ่มต้นด้วยผลประกอบการขาดทุน ท่ามกลางการแข่งขันของสองค้าปลีกยักษ์ และสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว แต่ต้องคอยดูว่านอกจากจะปรับเปลี่ยนสินค้าที่นำมาจำหน่ายแล้ว สยาม ทาคาชิมายะ จะมีแคมเปญอะไรแก้เกมดึงดูดขาชอปสายเจแปน โดยเฉพาะในช่วงที่ห้างฯ กำลังจะครบรอบ 1 ปีในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)