นับตั้งแต่ที่แอปพลิเคชัน K PLUS โฉมใหม่ ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 จะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษบนเมนู K+ TODAY หนึ่งในนั้นคือ "สินเชื่อบุคคลเพย์-เดย์" ที่มักจะปรากฎในช่วงปลายเดือน ซึ่งจะได้รับเฉพาะลูกค้าที่เข้าเงื่อนไขตามเกณฑ์การพิจารณาเท่านั้น
สินเชื่อบุคคลกสิกรไทยเพย์-เดย์ เป็นสินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น ระยะเวลาการกู้เงิน 30-60 วัน คิดอัตราดอกเบี้ย 26% ต่อปี โดยจะให้วงเงินตั้งแต่ 1,000 บาท สูงสุด 20,000 บาท ระยะเวลาการผ่อนเพียงแค่ 1 งวด สินเชื่อนี้ธนาคารจะใช้ข้อมูลจากรายได้หรือกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าในบัญชีเงินฝาก เพื่อพิจารณาเสนอสินเชื่อและอนุมัติเป็นหลัก
ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียกว่า "เกด" (KADE) เรียนรู้และประมวลผลพฤติกรรมของผู้ใช้งาน หนึ่งในนั้นคือการปล่อยสินเชื่อบุคคลให้กับผู้ใช้ K PLUS ที่มีมากกว่า 10 ล้านราย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็ก ทั้งลูกค้าทั่วไปและผู้ประกอบการรายย่อย
กลุ่มเป้าหมายของสินเชื่อบุคคลเพย์-เดย์ คือ ผู้ที่มีรายได้หรือกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าในบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยเฉลี่ยตั้งแต่ 7,500 บาทต่อเดือน โดยจะพิจารณาจากรายได้ต่อเดือน หรือกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเฉลี่ยต่อเดือน ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งระบบจะคำนวณและแสดงวงเงินอนุมัติให้โดยอัตโนมัติ
แม้วงเงินที่เสนอให้ดูเหมือนจะน้อยไปก็ตาม แต่ก็พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ ความฉลาดของ K PLUS คือ ข้อความเชิญชวนจากธนาคารให้สมัครสินเชื่อบุคคลเพย์-เดย์ มักจะมาในช่วงปลายเดือน และมีเงินในบัญชีน้อยกว่า 1,000 บาท เพราะฉะนั้นจึงมีคนให้ความสนใจสมัคร โดยเฉพาะคนที่มีชีวิตแบบเดือนชนเดือน
ขั้นตอนหลังจากกด "สนใจสมัคร" ระบบจะแสดง "วงเงินสินเชื่อสูงสุดของคุณ" เลือกวงเงินที่ต้องการ และที่สำคัญ ต้องระบุ "ข้อมูลสินเชื่อบุคคล" ให้ลองนึกก่อนว่าเรามีสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดกี่แห่ง วงเงินรวมเท่าไหร่ ตามความเป็นจริง เพราะระบบจะเชื่อมข้อมูลกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)
จากการทดลอง โดยกรอกข้อมูลสินเชื่อบุคคล และให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแล้ว ไม่เกิน 1 นาที ระบบจะแจ้งเตือนผ่าน K PLUS และอีเมล หากได้รับการอนุมัติ จะแสดงรายละเอียดสัญญาสินเชื่อ เช่น เลขที่สัญญา จำนวนเงินกู้ที่อนุมัติ วันครบกำหนดชำระ อัตราดอกเบี้ย และยอดชำระประมาณการ
หากต้องการสินเชื่อ ให้กดปุ่ม "ตกลงรับสินเชื่อ" ภายใน 72 ชั่วโมง ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีของลูกค้าทันที ยกเว้นถ้าทำรายการหลังเวลา 20.30 น. เงินจะเข้าบัญชีในเช้าวันถัดไป ซึ่งเงินที่ได้รับจะไม่เต็มจำนวน เพราะหักค่าอากรแสตมป์ติดสัญญาเงินกู้ ทุกยอดเงินกู้ 2,000 บาท คิด 1 บาท (เศษของยอดเงินกู้ 2,000 บาทคิด 1 บาท)
อาจจะมีคนสงสัยว่า เมื่อได้รับเงินกู้แล้วจะชำระผ่านช่องทางไหน จากการสอบถามธนาคารกสิกรไทย ได้รับคำตอบว่า จะหักชำระอัตโนมัติผ่านบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกสิกรไทยที่รับสินเชื่อ ซึ่งเท่ากับว่าในวันครบกำหนดชำระ จะต้องมีเงินในบัญชีให้เพียงพอต่อการหักชำระตามยอดชำระประมาณการ
ข้อดีของสินเชื่อบุคคลเพย์-เดย์ก็คือ ให้เงินกู้เร็ว ไม่ถึง 5 นาที ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ เพียงแค่ตอบคำถามข้อมูลสินเชื่อบุคคลตามจริงเท่านั้น แต่ข้อเสียก็คือ ให้เฉพาะลูกค้าที่เข้าเงื่อนไข โดยปรากฎในเมนู K+ TODAY ไม่ได้เปิดโอกาสให้สมัครได้ทั่วไป หากพลาดครั้งหนึ่งแล้ว ต้องรอให้เข้าเงื่อนไขอีกครั้ง จึงจะมีข้อความเชิญในครั้งถัดไป
นอกจากนี้ วงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติมีน้อยมาก เพียงแค่หลักพันบาท ส่วนดอกเบี้ยเทียบเท่าบัตรกดเงินสด โดยคำนวณเป็นรายวันแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งถ้าต้องการเงินก้อน ต้องสมัครสินเชื่อบุคคลโดยยื่นเอกสารแทน และต้องรอธนาคารอนุมัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ
ถึงกระนั้น การกำหนดระยะเวลาผ่อนเพียง 1 งวด และคำนวณยอดชำระประมาณการแบบเบ็ดเสร็จ จบลงในครั้งเดียว จึงเหมาะสำหรับคนที่มีชีวิตแบบเดือนชนเดือน และไม่ต้องการกดเงินสดจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด เปรียบได้กับสวรรค์มาโปรด เพราะโอกาสของคนที่จะได้รับข้อความเชิญสมัครสินเชื่อบุคคลเพย์-เดย์ มีไม่บ่อยนัก
แต่ทางที่ดี ใช้เฉพาะในยามจำเป็นจริงๆ จะดีกว่า เพราะแม้จะได้ชื่นใจกับเงินโอนที่ได้รับ แต่เมื่อถึงเวลาหักบัญชีอัตโนมัติ อาจจะใจหายกับยอดชำระที่ถูกหักออกจากเงินในบัญชี ซึ่งดอกเบี้ย 26% ต่อปี ถือว่าไม่น้อยเลย
การปล่อยสินเชื่อบุคคลแนวใหม่ ที่ไม่จำกัดแค่เงินก้อนหรือบัตรกดเงินสด กำลังจะทยอยเข้ามา เพราะยังมีธนาคารไทยพาณิชย์ ออกบริการ "มีตังค์" สำหรับพนักงานประจำ บัตรกรุงไทยหรือเคทีซี ลงมาทำพิโกไฟแนนซ์เจาะกลุ่มรากหญ้า และการกู้เงินแบบ Peer-to-Peer Lending ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังเปิดให้ทดสอบในขณะนี้
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)
