xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” ปลื้มอินโนสเปซระดมเงิน 13 องค์กร 515 ล้านบาท วางเป้าสตาร์ทอัพ 300 รายปีแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:





“สมคิด” เร่งเครื่องสร้างสตาร์ทอัพผ่าน บ.อินโนสเปซ (ประเทศไทย) หลังเอกชนผนึกสถาบันการเงิน 13 องค์กร พร้อมระดมทุน 515 ล้านบาทพร้อมขับเคลื่อนหวังไทยมียูนิคอร์นเกิดขึ้น “สุริยะ” วางเป้าปั้นสตาร์ทอัพปีแรกให้ได้ 300 ราย เล็งปักหมุดตั้งสำนักงานที่โรงงานยาสูบเดิม แย้มล็อต 2 จ่อระดมทุนเพิ่ม ทั้ง กฟผ. แบงก์ออมสิน กสทช.


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือเครือข่ายภาครัฐที่ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสถาบันการเงิน กับภาคเอกชน 13 หน่วยงาน เพื่อการระดมทุนเพื่อขับเคลื่อนบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ InnoSpace (Thailand) ว่า บริษัท อินโนสเปซจะมีส่วนสำคัญต่อการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งและทันสมัยเพื่อรองรับอนาคต โดยจะเป็นจุดเชื่อมโยงทุกกลไกในการสร้างวิสาหกิจเริ่มต้นหรือสตาร์ทอัพ (Startup) ของไทยให้เพิ่มขึ้นเพื่อการเกิดขึ้นของยูนิคอร์น (สตาร์ทอัพที่มีรายได้ 1,000 ล้านเหรียญขึ้นไป)


“เอกชนเขาปรับตัวไปมากแล้ว แต่เรามีเป้าหมายที่จะไปเชื่อมโยงและเร่งให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เชื่อว่าอนาคตจะได้มากขึ้นเพราะคนไทยมีความสามารถเยอะแต่ขาดโอกาส ซึ่งประเทศอื่นเขาสำเร็จกันเยอะ เช่น อิสราเอล เขามีสตาร์ทอัพมาก จีนก็เช่นกัน ซึ่งธุรกิจเล็กๆ เหล่านี้ก็จะกลายเป็นยูนิคอร์น เราเองก็วางเป้าที่จะไปถึงเช่นนั้น แต่ก่อนอื่นต้องสร้างสตาร์ทอัพให้มากก่อนดั งนั้นจะดึงต่างชาติมาเป็นพันธมิตร” นายสมคิดกล่าว


นอกจากนี้ ยังดึงหัวเว่ยมาเป็นพันธมิตรแล้ว ส่วนไมโครซอฟท์ ซัมซุง กูเกิล กำลังจะตามมาเป็นพันธมิตรในการสนับสนุนด้านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาสตาร์ทอัพร่วมกัน โดยต้องการให้เพิ่มสัดส่วนสตาร์ทอัพในไทยให้เกิดขึ้นหลักหมื่นหลักแสนราย และมีการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น เป็นต้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อินโนสเปซไทยแลนด์เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยง บูรณาการ และประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศด้านการลงทุน การบ่มเพาะธุรกิจ และด้านเทคโนโลยีองค์ความรู้ เป็นกลไกเพื่อสร้างสตาร์ทอัพให้มีความเข้มแข็งโดยมีเป้าหมายสร้างสตาร์ทอัพ 1 ปีแรกนับจากวันนี้ให้ได้ 300 ราย โดยที่ตั้งของบริษัทอินโนสเปซเบื้องต้นจะอยู่ที่บริเวณที่ตั้งโรงงานยาสูบเดิม (คลองเตย) ขณะที่สถาบันวิทยาศิริเมธี (วังจันทร์วัลเล่ย์) จะเป็นอีกสาขาหนึ่งในการเป็นศูนย์บ่มเพาะ


สำหรับการระดมทุน 515 ล้านบาทจาก 13 องค์กร และขณะนี้ยังมีเอกชนที่แสดงความสนใจที่จะเข้ามาร่วมมือเพิ่มเติมอีกหลายราย เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่อยู่ระหว่างรอความเห็นจากบอร์ดก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอีก 100 ล้านบาท ธนาคารออมสิน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นต้น

“การสร้างสตาร์ทอัพเราจะมุ่งเน้นการเกษตรแปรรูป อาหาร เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมสนับสนุน” นายสุริยะกล่าว

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานที่ปรึกษา บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชน 13 บริษัทพร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนเบื้องต้น 515 ล้านบาท แต่จะมีการทยอยเรียกเบื้องต้น 25% ก่อน ได้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) 100 ล้านบาท บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ 30 ล้านบาท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) 25 ล้านบาท บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น 25 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ 50 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ 50 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย 50 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 50 ล้านบาท บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ 50 ล้านบาท เครือสหพัฒน์ 30 ล้านบาท บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป 30 ล้านบาท บมจ.การบินกรุงเทพ 20 ล้านบาท และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 5 ล้านบาท

“เราคาดหวังว่าจะสร้างสตาร์ทอัพให้เป็น 10-100 เท่าเพื่อให้เกิดยูนิคอร์น ซึ่งในระยะต่อไปไทยจะมีการลงนามความร่วมมือกับประเทศอิสราเอล และญี่ปุ่น เพื่อก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น โดยภายใน 1-2 เดือนเราจะมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารและกรรมการด้านการลงทุนจึงจะสรุปแนวทางการขับเคลื่อนอีกครั้ง” นายเทวินทร์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น