หลังจากสร้างกระแสด้วยการนำคันที่เป็น Prototype ออกทดสอบและเดินสายทำ PR ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกอยู่สักพัก ในที่สุดปอร์เช่ ก็เผยโฉมคันจริงของ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตซีดานตัวแรงรุ่นใหม่ที่มากับตัวถังแบบฟาสต์แบ็ค 4 ประตูออกมาแล้ว โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ หรือ IAA 2019 กลางเดือนกันยายนนี้
ปอร์เช่ เผยว่าไทคานน์ถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่แสดงให้เห็นประวัติศาสตร์ตลอด 70 ปีของปอร์เช่ ที่ได้ตกผลึกและพร้อมเดินหน้าไปสู่อนาคตของการขับเคลื่อน โดยหน้าตาของตัวรถไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ เพราะหลายคนคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าน่าจะมีส่วนผสมหลักของต้นแบบรุ่น Mission E ที่เปิดตัวในปี 2015 อีกทั้งในช่วงปลายปีหน้า พวกเขาประกาศล่วงหน้าออกมาว่าจะเปิดตัวทางเลือกของตัวถังใหม่จากไทคานน์ในชื่อ Cross Turismo ออกมาด้วย ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นในสไตล์ SUV อย่างแน่นอน
ในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกไทคานน์จะมากับความปราดเปรียวด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Cd เพียง 0.22 เท่านั้นโดยตัวถังมีความยาว 4,963 มิลลิเมตร กว้าง 1,966 มิลลิเมตร สูง 1,379 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,901 มิลลิเมตร โดยด้านหลังมีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระขนาด 366 ลิตร เรียกว่าไซส์ตัวถังนี่น้องๆ Panamera เลยทีเดียว โดยประตูถูกเปลี่ยนจากแบบ Suicide Door ที่เปิดแบบตู้กับข้าวในรุ่นต้นแบบมาเป็นแบบเปิดเหมือนกับรถยนต์นั่งปกติและเด่นกับไฟหน้าแบบ LED4 ดวงที่ฝังเอาไว้อย่างละดวงตามแต่ละมุมของไฟทรงสี่เหลี่ยม
สำหรับรุ่นที่ทำตลาดในช่วงแรกมีด้วยกัน 2 รุ่นคือ Turbo และ Turbo S ซึ่งเมื่อเห็นคำว่า Turbo อย่าคิดว่านี่คือรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่เป็นรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบ BEV-Battery Electric Vehicle ซึ่งพื้นฐานกำลังสูงสุดของทั้งสองรุ่นคือ 625 เท่ากันในโหมดปกติ แต่จะแตกต่างกันเมื่อใช้โหมด โอเวอร์บูสต์
โดยรุ่นเทอร์โบ มีกำลังสูงสุด 671 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.2 วินาที และรุ่น เทอร์โบ เอส มีกำลังสูงสุด 761 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 1050 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 2.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โดยไทคานน์ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ใช้ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ที่เปลี่ยนจากขนาด 400 โวลต์เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปมาเป็น 800 โวลต์
สำหรับการชาร์จด้วยเครือข่ายการชาร์จแรงดันสูง ผ่านระบบกระแสตรง (DC) จะใช้เวลาเพียง 5 นาที สามารถได้ระยะทางวิ่งเพิ่ม 100 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) และในการชาร์จความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 5 – 80% ใช้ระยะเวลาเพียง 22.5 นาที ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติ โดยรองรับกำลังอัดกระแสไฟฟ้าสูงสุดได้ถึง 270 kWh
นอกจากนี้ผู้ขับขี่ปอร์เช่ ไทคานน์ สามารถชาร์จพลังงานได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่ใช้อยู่ในที่พักอาศัยทั่วไป ด้วยการรองรับขนาดกำลังอัดกระแสไฟฟ้าที่หลากหลายสูงสุดถึง 11 kWh โดยเมื่อชาร์จเต็มแล้ว ในรุ่น Turbo จะแล่นได้ระยะทาง 416 กิโลเมตร และรุ่น Turbo S จะแล่นได้ 450 กิโลเมตรตามมาตรฐานการทดสอบของ WLTP
สำหรับราคาของทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่ 153,310 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่น Turbo และ 187,610 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่น Turbo S โดยไทคานน์ถือเป็นผลผลิตแรกในด้านการรุกตลาดไฟฟ้าของปอร์เช่ซึ่งแบรนด์ดังแห่งเยอรมนีเปิดเผยว่าพวกเขาจะรุกตลาดกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องและวางแผงในการลงทุนจำนวน 6 พันล้านยูโรในปี 2022 เพื่อพัฒนารถยนต์พลังไฟฟ้าออกสู่ตลาด
