บริการตลาดสดออนไลน์ เป็นการนำสินค้าในตลาดสด เข้าสู่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับภัตตาคาร ร้านอาหาร รวมถึงผู้บริโภค ที่ไม่ต้องการฝ่าการจราจรที่ติดขัด ก็จะเรียกใช้บริการของตลาดสดออนไลน์
ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการตลาดสดออนไลน์ ทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเจ้าของตลาดสด ต่างหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ รวมไปถึง เจ้าของตลาดสดชื่อดัง ตลาดยิ่งเจริญ ได้เปิดให้ บริการตลาดสดออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “ส่งสด”
จราจรติดขัด ก่อเกิด “ส่งสด” บริการตลาดสดออนไลน์
นายอริย ธรรมวัฒนะ กรรมการบริหารงาน ตลาดยิ่งเจริญ กล่าวถึง บริการตลาดสดออนไลน์ “ส่งสด” ว่า เกิดขึ้นมาช่วงปี 2559 มีการสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้การเดินทางมาตลาดยิ่งเจริญ การจราจรติดขัดอย่างมาก ยอดขายในตลาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตนเองเกิดไอเดีย เปิดบริการตลาดสดออนไลน์ ขึ้นมา
โดยได้ไอเดีย มาจากเมื่อครั้งที่ตนเองไปประเทศจีน และฮ่องกง เห็นบริการจัดส่งอาหารสดทางออนไลน์ และนำไอเดียนี้ มาปรึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วย เพราะมองไม่เห็นภาพว่า บริการตลาดสดออนไลน์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร จนต้องนำไปรู้จักกับบริการดังกล่าวที่ประเทศจีน โดยเริ่มจากการสั่งสินค้าจากตลาดสดให้มาส่งให้ที่พักในอพาร์ทเม้นท์ พอผู้ใหญ่เห็นก็ไฟเขียว ให้ทำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 2 ปี โดยเริ่มทำครั้งแรก เมื่อเดือน ตุลาคม 2560 โดยมียอดขายในปีแรก จำนวน 13 ล้านบาท และในปีนี้ 2562 ถึงตอนนี้ มีรายได้ 30 ล้านบาท
จากลูกค้าร้านอาหาร ขยายสู่ คนรุ่นใหม่เริ่มทำอาหาร
ในส่วนของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะมี 2 ลักษณะเป็นแบบ B2B คือ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ส่วนใหญ่จะอยู่ในใจกลางเมือง ย่าน พระราม 9 , สุขุมวิท, พระราม 2 และปทุมธานี ฯลฯ มีทั้งหมด จำนวน 55 ราย ส่วนลูกค้า B2C หรือผู้บริโภคทั่วไป ยังมีอยู่ไม่มาก ประมาณ 10-20 ราย อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัจจุบันลูกค้าที่กลุ่มผู้บริโภคของเราจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และในกลาง เดือนกันยายน 2562 จะหันมาบุกตลาด B2C มากขึ้น โดยการเปิดช่องทางแอปพลิชั่น เพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากการขายผ่านหน้า เวบไซต์ เฟซบุ๊ก และไลน์แอด เพื่อจะเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้ การเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้หันมาทำกับอาหารรับประทานเอง ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาที่พบ คือ คนรุ่นใหม่ไม่มีเวลา และที่สำคัญ คือ ทำกับข้าวไม่เป็น ดังนั้น นำปัญหานี้มาเป็น จุดขายของ “ส่งสด” ที่แตกต่างจากบริการตลาดสดออนไลน์ อื่นๆ คือ การบริการให้คำปรึกษาสำหรับคนที่ต้องการทำอาหารกินเอง แต่ไม่มีความรู้ในการทำอาหาร โดยทีมงานเชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร คือ “ป้าสมร” แนะนำการทำอาหาร และเลือกวัตถุดิบว่าจะต้องเลือกวัตถุดิบอย่างไร เพื่อให้การทำอาหารออกมาได้รสชาติที่ดี เหมือนมืออาชีพ
แข่งขัน กันตรงจุดขายที่แตกต่าง..
นอกจากนี้ จุดขายอีกอย่างหนึ่ง คือ เราเป็นผู้ให้บริการตลาดสดอยู่แล้ว ดังนั้น มีสินค้าคุณภาพ ให้เลือกจำนวนมาก ลูกค้าสามารถเลือกร้านที่ต้องการได้ และที่สำคัญ อีกอย่างหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นจุดขายของ ส่งสด คือ มีผักพื้นบ้าน ที่หาไม่ได้ในตลาดสดทั่วไป เช่น ผักเหลียง เห็ดเผาะ ต้นคูณ ผักหวานป่า ฯลฯ และสินค้าที่เป็นไฮไลท์ ของเรา คือ “ไก่สด” เพราะทางตลาดยิ่งเจริญมีการดิวกับผู้ค้าส่งไก่สด โดยจัดหาไก่ มาส่งขายให้กับผู้ค้าในตลาด โดยดิวตรงกับผู้ค้าไก่ เกิดมาจากปัญหาโรคที่มาจากไก่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำเป็นต้องควบคุมการขายไก่ที่ปลอดภัย เป็นที่มาของการดิวกับผู้ค้าไก่ดังกล่าว และการซื้อปริมาณมากๆ ทำให้เราได้ไก่ในราคาที่ถูก และมีบริการจัดแต่งสินค้าให้ลูกค้าสามารถจัดเก็บเข้าห้องเย็นได้เลย
สำหรับรูปแบบการให้บริการของ “ส่งสด” เหมือนกับ บริการตลาดสดออนไลน์รายอื่นๆ ในช่วงแรก เริ่มจากการติดต่อลูกค้าผ่านเฟซบุ๊ก และไลน์แอด ก่อน และใช้การโปรโมทผ่านการซื้อแอด ของเฟซบุ๊ก ไลน์ และกูลเกิลแอด ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง หลังจากนั้น ค่อยขยายงาน และเริ่มทำอย่างจริงจัง โดยการเปิดเวบไซต์ เพื่อสร้างความสะดวกสบาย และให้ลูกค้าได้เห็นสินค้ามากขึ้น ซึ่งการเลือกสินค้าผ่านหน้าเวบฯ ลูกค้าได้เห็นสินค้าและราคา การสั่งซื้อง่ายเพียงแค่หยิบใส่ตระกร้า จ่ายเงิน หลังจากนั้น ทางเราจัดการสินค้าและจัดส่งให้ลูกค้า ตามเวลาที่กำหนด
ค่าบริการตลาดสดออนไลน์ คือ ค่าธรรมเนียม คิดตั้งแต่ 10-20%
คุณอริย กล่าวถึงข้อดี ของการซื้อสินค้าผ่านบริการตลาดสดออนไลน์ คือ ลูกค้าจะได้ใบเสร็จพร้อมใบกำกับภาษี ทาง “ส่งสด” จะออกให้กับลูกค้า ทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อ เพื่อลูกค้าสามารถนำไปยื่น ขอลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งเป็นจุดขายอย่างหนึ่ง ที่ลูกค้า B2B ชื่นชอบ เพราะถ้ามาซื้อด้วยตัวเองโอกาสที่ พ่อค้า แม่ค้าจะออกใบกำกับภาษีให้เป็นเรื่องยาก มีน้อยร้านมาก หรือแถบจะไม่มี และที่สำคัญ คือ ลูกค้าต้องขอเขาถึงจะออกให้ แต่ของเราลูกค้าไม่ต้องขอ เราออกให้เลยทุกครั้ง
สำหรับ อัตราค่าบริการ ลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม จะคิดค่าบริการแตกต่างกัน ถ้าเป็น B2B ค่าบริการจัดส่งจะคิดอีกอัตราหนึ่ง ซึ่งเป็นค่าส่งที่บวกไปในสินค้า เป็นค่าบริการที่แน่นอน เพราะกลุ่มนี้จะมีการสั่งล่วงหน้า สามารถกำหนดเวลาส่งให้กับรถบริการจัดส่ง และผู้ให้บริการจัดส่งสามารถวางแผนการจัดส่งได้ ทำให้ราคาค่าบริการจัดส่งถูกกว่า ต่างจากลูกค้าที่เป็น B2C ที่มีเวลาจัดส่งไม่แน่นอน ซึ่งลูกค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 10-18% โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าจัดส่งเอง
ล่าสุด “ส่งสด” ได้มีการดิวกับทางผู้ให้บริการจัดส่งโดยตรงอย่าง ลาล่ามูฟ เข้ามารับหน้าที่ด้านโลจิสติกส์ แทนมอเตอร์ไซต์วิน ที่ใช้บริการในขณะนี้ เพราะด้วยเวลาการสั่งซื้อ และจัดส่งไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถใช้บริการมอเตอร์ไซต์วินเหมือนเดิมได้ เพราะงานหลักของมอเตอร์ไซต์วิน คือ รับ-ส่งลูกค้า และ การเลือกใช้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ที่เชี่ยวชาญและมีความชำนาญด้านการจัดส่ง โดยตรง จะทำให้เราตัดปัญหาเรื่องการจัดส่งไม่ตรงเวลาออกไปได้
ทั้งนี้ ลูกค้าของ “ส่งสด” ในกลุ่มผู้บริโภค ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งจะมียอดการสั่งซื้อเข้ามากๆ ตอนช่วงเทศกาล เพราะต้องการสินค้าไปใช้สำหรับการจัดงานเลี้ยง จัดปาร์ตี้ ซึ่งถ้าเป็นลูกค้ากลุ่มผู้บริโภค มีบริการคำนวณปริมาณของสดที่จะใช้ในการจัดปาร์ตี้ จากจำนวนผู้เข้าร่วมงาน แต่ละครั้งให้ด้วย ซึ่งในช่วงเทศกาล การสั่งซื้อเข้ามามากไม่ใช่เฉพาะผู้บริโภคทั่วไป ที่เป็น B2C แต่ร้านอาหาร กลุ่ม B2B สั่งซื้อเข้ามาจำนวนมากเช่นกัน
“ในส่วนปัญหาของบริการตลาดสดออนไลน์ของ “ส่งสด” ที่ผ่านมา คือ การที่เรายังไม่สามารถให้เครดิต กับลูกค้า ในกลุ่ม B2B ได้เหมือนกับ ผู้ให้บริการรายอื่นๆ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาทางอยู่ ในขณะนี้ ได้มีการพูดคุยกับทางธนาคารที่สามารถทำเครดิตตรงนี้แทนเราได้ เพราะเราเองอยากได้ผู้เชี่ยวชาญที่ชำนาญมาช่วยทำงาน” อริย กล่าว
แผนอนาคตดิวกับเกษตรกร เพื่อส่งสินค้าเกษตรทั่วประเทศ
ส่วนแผนในอนาคต มีแผนที่จะกระจายพื้นที่การจัดส่ง ทั่วประเทศ และพยายมจะดิวกับเกษตรกรโดยตรงให้ได้มากขึ้น เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายผลผลิตในราคาที่สูงขึ้น และผู้บริโภคได้สินค้าเกษตรในราคาที่ไม่สูง และเมื่อสามารถดิวกับเกษตรกรได้ มีแผนที่จะขยายพื้นที่การจัดส่งไปทั่วประเทศ และในปัจจุบัน การบริการด้านโลจิสติกส์ ของไทยมีศักยภาพมาก ไม่ใช่เรื่องยากที่ส่งของสดไปทั่วประเทศ
“อริย” กล่าวถึง การลงทุนให้บริการตลาดสดออนไลน์ ของตลาดยิ่งเจริญในครั้งนี้ ได้ลงทุนไปกับการบริหารจัดการ และการลงทุนด้านเทคโนโลยี และประชาสัมพันธ์ไปจำนวน 5-6 ล้านบาท ส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากส่งสด คิดเป็นเพียงแค่ 1% ของยอดขายโดยรวมจากตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าบริการช่องทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่ม มากกว่า 120% ในทุกปี
ส่วนช่องทางการประชาสัมพันธ์ให้คนได้รู้จัก “ส่งสด” ทางเราได้มีการซื้อแอดผ่านช่องทางออนไลน์ และส่วนของตลาด B2B มีการส่งพนักงานขาย เข้าไปแนะนำพูดคุยด้วย หลังจากที่ได้รู้จักเราผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งงบประชาสัมพันธ์ 70% ผ่านช่องทางออนไลน์ และอีก 30% เป็นการแนะนำโดยพนักงานขายและการจัดงานแถลงข่าว
ทั้งนี้ การแข่งขันในบริการตลาดสดออนไลน์ ในช่วง 1-2 ปีนี้ โดยเฉพาะในปี 2562 มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง เพราะไม่ใช่แค่ ผู้ประกอบการสตาร์ทอัป ที่เห็นกันทั่วไปแล้ว ห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ ต่างก็โดดลงมาเล่นในตลาดนี้ ซึ่งทุกคน ก็จะมีจุดขายที่ได้เปรียบแตกต่างกันออกไป และพื้นที่การให้บริการแบ่งกันไป ตามความถนัด การเติบโตของตลาดนี้มีสูง เพราะไลฟ์สไตล์ของคนไทยเปลี่ยนไป และบริการต่างๆในออนไลน์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภค สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ รวมถึง คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงตลาดสดได้ ง่ายขึ้น
สนใจติดต่อ FB: ส่งสด บริการตลาดสดออนไลน์
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *