xs
xsm
sm
md
lg

Ibusiness review : 'บ้านใร่กาแฟ' ไม่ได้หายไปไหน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจร้านกาแฟในไทย ที่มีผู้เล่นมากหน้าหลายตา เบอร์หนึ่งในเวลานี้ต้องยกให้เป็น 'คาเฟ่ อเมซอน' ของกลุ่ม ปตท. ด้วยจำนวนสาขากว่า 2,800 แห่งใน 9 ประเทศ จนยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง 'สตาร์บัคส์ คอฟฟี่' ที่มีสาขาในไทยราว 372 สาขา ต้องเร่งสปีดด้วยการขายสิทธิ์บริหารร้านในไทยทั้งหมดให้กับกลุ่มไทยเบฟฯ

ไม่นับรวมผู้เล่นรายอื่นๆ ทั้งจากกลุ่มธุรกิจการเกษตร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ต่างแห่แหนเปิดร้านกาแฟ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดนับหมื่นล้านบาท ใครจะเชื่อว่าครั้งหนึ่งเคยมีเชนร้านกาแฟที่เคยเป็นเบอร์ต้นๆ ในไทย ด้วยจำนวนสาขานับร้อยแห่ง เป็นแบรนด์ที่คนรุ่นอายุ 40-50 ปี จะต้องเคยสัมผัสกันมาบ้าง

หลายคนคงมีคำถามในใจว่า ร้านดังในอดีตที่ชื่อว่า "บ้านใร่กาแฟ" หายไปไหน?

"บ้านใร่กาแฟ" ครั้งหนึ่งเคยเป็นร้านกาแฟเบอร์สองของประเทศ ถึงกับมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์เมืองไทย" จุดเริ่มต้นจากชายหนุ่มผู้หลงใหลกาแฟอย่าง "สายชล เพยาว์น้อย" ลูกช่างไม้กับชาวนาใน อ.หนองแซง จ.สระบุรี แต่พยายามไขว้คว้าหาโอกาสจนสำเร็จการศึกษา ภูมิสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จากมนุษย์เงินเดือนในตำแหน่งสถาปนิก ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ด้วยนิสัยชอบขับรถไปต่างจังหวัด และกินกาแฟสดร้านริมทางเป็นประจำ จึงจุดประกายอยากให้มีร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน ทั้งที่บรรดาเจ้าของปั๊มในยุคนั้นมองว่า แค่ปะยางกับมินิมาร์ทก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีร้านกาแฟ ถูกปฏิเสธต่างๆ นานา

ในที่สุดเขาตัดสินใจสานฝันให้เป็นจริง ด้วยการยอมขายทาวน์เฮ้าส์ มูลค่า 3 แสนบาท เพื่อนำทุนมาก่อสร้างร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหากับเจ้าของ จึงตัดสินใจย้ายมาเปิด "บ้านใร่กาแฟ" ในปั๊มน้ำมันเจ็ท (JET) ของบริษัทคอนอโค สัญชาติอเมริกัน สาขาแรกที่รังสิต คลอง 7 เปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2540

ด้วยเอกลักษณ์กระท่อมไม้ทรงสูงที่โดดเด่น และรูปแบบร้านที่เน้นความเป็นไทย ทำให้บ้านใร่กาแฟ กลายเป็นร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนั้น ปลายปี 2542 คอนอโค (ประเทศไทย) ตัดสินใจลงทุนเปิดร้านบ้านใร่กาแฟเพิ่ม โดยให้สายชลเป็นผู้บริหาร ก่อนที่เขาจะลาออกจากงานประจำเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เพื่อบริหารร้านเต็มตัว

ในยุคนั้น บ้านใร่กาแฟขยายสาขามากกว่า 112 สาขาในระยะเวลา 9 ปี โดยส่วนมากอยู่ในปั๊มน้ำมันเจ็ทราว 80 สาขา มียอดขายมากกว่า 200 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังเปิดร้านบ้านใร่กาแฟ เอกมัย ถือเป็นแห่งแรกที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สร้างความฮือฮาด้วยการทำกิจกรรมขายกาแฟแก้วละ 400 บาท จำนวน 1,000 แก้วจากดอยวาวี

ความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่สิ่งยืนยันถึงความยั่งยืนในอนาคต เมื่อบ้านใร่กาแฟมีชื่อเสียง ก็มีร้านกาแฟรายอื่นเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะกลุ่ม ปตท. ปลุกปั้นแบรนด์ร้านกาแฟของตัวเองในชื่อ "คาเฟ่ อเมซอน" เมื่อปี 2545 อีกทั้งยังมีร้านกาแฟสดเจ้าอื่น ทั้งมีชื่อและโนเนมขายกาแฟและเครื่องดื่มในราคาที่ถูกกว่า

วิกฤตครั้งใหญ่ของบ้านใร่กาแฟเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 เมื่อปั๊มน้ำมันเจ็ททั้ง 147 แห่ง กลุ่ม ปตท. ชนะการประมูลและซื้อกิจการจากคอนอโคด้วยมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากดำเนินกิจการเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดไม่ไหว และไม่มีโรงกลั่นเป็นของตัวเอง อีกทั้งธุรกิจหลักของคอนอโค คือสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพียงอย่างเดียว

ร้านบ้านใร่กาแฟกว่า 80 สาขา ถูกแทนที่ด้วยร้านคาเฟ่ อเมซอน แถมขายในราคาที่ถูกกว่าครึ่งหนึ่ง เพียงแก้วละ 45 บาท ในตอนนั้นต้องทยอยรื้อสาขามาตั้งแต่ปี 2551 กระทั่งปี 2552 ไม่มีร้านบ้านใร่กาแฟหลงเหลืออีกเลย สายชล เปรียบเปรยเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า เหมือนสร้างบ้านไว้ 80 หลังแล้วต้องทุบทิ้ง

ในตอนนั้นสายชลพยายามปรับกลยุทธ์ ด้วยการปรับปรุงร้านบ้านใร่กาแฟ สาขาเอกมัย ให้กลายเป็นร้านอาหารที่ชื่อ "บ้านใร่ใบกะเพรา" เพื่อนำเงินมาใช้หมุนเวียนธุรกิจ รวมทั้งขายแฟรนไชส์เพื่อให้แบรนด์คงอยู่ แต่ท่ามกลางการแข่งขันของร้านกาแฟที่มีมากขึ้น ทำให้แบรนด์บ้านใร่กาแฟไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อก่อน

รวมทั้งร้านบ้านใร่กาแฟ เอกมัย บริเวณหัวมุมซอยสุขุมวิท 63 มาปีนี้ (2562) ถูกแทนที่ด้วยโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คว้าที่ดินผืนนี้ไปครอง ว่ากันว่าเป็นการเช่าระยะยาวจากเจ้าของเดิม ปิดตำนานร้านกาแฟอันรุ่งโรจน์ในอดีต เหลือไว้เพียงความทรงจำ

ถึงกระนั้น บ้านใร่กาแฟไม่ได้หายไปไหน แม้จะหาได้ยาก แทบจะไม่มีอีกแล้วในกรุงเทพฯ แต่กลับพบในพื้นที่ชนบทอันไกลโพ้น

บนทางหลวงชนบทสายเล็กๆ จากตัวอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี มุ่งหน้าไปยังอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่ตั้งของโรงคั่วกาแฟโบราณ วันหนึ่งสายชลตัดสินใจพลิกฟื้นให้เป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งของจังหวัด ใช้ชื่อว่า "ตลาดโรงคั่ว" เป็นตลาดประชารัฐวัฒนธรรมโบราณลาวเวียงบ้านหนองควายโซ เปิดเมื่อเดือนธันวาคม 2560

แม้ว่าการเปิดตลาดโรงคั่วจะพบอุปสรรคครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเหตุเพลิงไหม้โรงคั่วกาแฟขนาดใหญ่ จนต้องปิดตำนาน แต่สายชลและชาวบ้านกอบกู้สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ตลาดให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวย้อนยุค รวบรวมของเก่าสะสมโบราณ รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้กาแฟและเรื่องราวของบ้านใร่กาแฟในอดีต

นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านใร่กาแฟ ซึ่งรวมแบบบ้านสาขาบ้านใร่กาแฟกาแฟในช่วงยุคแรกปี 2540-2550 หลากหลายดีไซน์ ที่ยกกลับมาจากปั๊มเจ็ทหลังทยอยรื้อสาขามาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน นำมาจัดแสดงเพื่อให้ได้นึกถึงความหลังเมื่อครั้งจอดรถมานั่งจิบกาแฟในอดีตอีกด้วย

แม้วันนี้ชื่อของ "บ้านใร่กาแฟ" แทบจะไม่มีอีกแล้วในกรุงเทพฯ แต่ยังเป็นแบรนด์ที่คนรุ่นเก่านึกถึงและจดจำ เรียกได้ว่าแม้จะไม่มีตัวตน แต่แบรนด์ก็ยังอยู่ในความทรงจำ หากใครยังนึกถึงและอยากเก็บเกี่ยวความทรงจำ ยุคนี้คงต้องขับรถจากกรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง มาจิบกาแฟ ชมของโบราณ แล้วมองทุ่งนาเขียวขจี

มองอาคารกระท่อมไม้ที่ยืนตระหง่าน เสมือนย้อนอดีตอันรุ่งโรจน์ ของร้านกาแฟที่เกิดจากความฝัน ความคิดสร้างสรรค์ และความพยายามของชายคนหนึ่ง ที่เป็นเพียงลูกช่างไม้กับชาวนา กลายเป็นผู้บุกเบิกร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันแห่งแรกของไทย ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะเคยก้าวไปสู่เจ้าของธุรกิจมูลค่าหลักร้อยล้านขึ้นมาได้

หมายเหตุ : ตลาดโรงคั่ว บ้านใร่กาแฟ ตั้งอยู่ที่ 31 หมู่ที่ 6 ต.หนองควายโซ อ.หนองแซง จ.สระบุรี ห่างจากตัวอำเภอหนองแซงประมาณ 2 กิโลเมตร วันธรรมดาเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดถึง 18.00 น. โทรศัพท์ 036-399-270

(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)
สายชล เพยาว์น้อย
ภาพ : บ้านใร่กาแฟ
ภาพ : บ้านใร่กาแฟ
ภาพ : บ้านใร่กาแฟ
กำลังโหลดความคิดเห็น