xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นทั่วโลก-คริปโตฯ ระส่ำหนัก บิตคอยน์ดิ่งเหวต่ำ 1 ล้าน KUB ร่วงเกือบ 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ตลาดหุ้นทั่วโลก-คริปโตฯ ป่วนหนัก หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสูง หวั่นผลักดันให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้น เทขาย ตลาดหุ้นไทยดิ่งหนักเฉียด 29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9.25 หมื่นล้านบาท ขณะที่ "บิตคอยน์" หลุด 1 ล้านบาท ลดลงกว่า 12% ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี "ETH" ลดลง 21% และ LUNA หนักสุด 98% ด้าน 3 เหรียญพิมพ์นิยมของไทย "KUB-JFIN-SIX" กอดคอกันร่วงเกือบ 30% "ภากร" เผยตลาดหุ้นไทยร่วงจากปัจจัยลบต่างประเทศ มั่นใจ ศก.ฟื้นตามท่องเที่ยว-โควิดคลี่คลาย ย้ำตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่งมาก

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12 พ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ย (เฟด) แรงขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจาก MSCI ปรับลดน้ำหนักการลงทุน กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวแตะระดับต่ำสุดที่ 1,580.10 จุด สูงสุด 1,607.88 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,584.52 จุด ลดลง 28.82 จุด หรือคิดเป็น 1.79% มูลค่าการซื้อขายรวม 92,529.65 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 622.86 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,932.28 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 817.85 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 3,372.99 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ราคาปิด 68.50 บาท ลดลง 4.25 บาท หรือ 5.84% มูลค่าการซื้อขาย 3,934.70 ล้านบาท บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ปิดที่ 44.75 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ 6.77% มูลค่าการซื้อขาย 3,861.55 ล้านบาท และ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 2.06% มูลค่าการซื้อขาย 2,574.47 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียต่างปรับตัวลดลงกันถ้วนหน้า เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 19,380.34 จุด ลดลง 444.23 จุด หรือ 2.24% ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 25,748.72 จุด ลดลง 464.92 จุด หรือ 1.77% ตลาดหุ้นจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปิดที่ 3,054.99 จุด ลดลง 3.71 จุด หรือ 0.12% และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนีดัชนีคอมโพสิต (KOSPI) ปิดที่ 2,550.08 จุด ลดลง 42.19 จุด หรือ 1.63%

นอกจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว ยังคงส่งผลต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้เงินดิจิทัลสกุลหลักปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยเฉพาะเหรียญบิตคอยน์ (BTC) ที่ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่า 1 ล้านบาท และต่ำสุดประมาณกว่า 940,000 บาท หรือ 26,818 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC ซึ่งทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี รวมถึงอีเธอเรียม (ETH) บีเอ็นบี (BNB) โซลูนา (SOL) ต่างปรับตัวลดลงเช่นกัน ขณะที่ LUNA หนักสุดลดลงกว่า 90%

ข้อมูลล่าสุด ณ เวลา 17.00 น. (12 พ.ค.) อ้างอิงจาก CoinMarketCap เหรียญ BTC เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,810.22 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 12.18% ในรอบ 24 ชม. ETH อยู่ที่ 1,910.40 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 21.17% BNB อยู่ที่ 252.89 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 19.11% SOL อยู่ที่ 43.69 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 32.97% และ LUNA อยู่ที่ 0.050048 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 98.70%

ขณะที่เหรียญของไทยที่ได้รับความนิยมก็ปรับตัวลงลงอย่างหนักเช่นกัน เช่น Bitkub coin (KUB) อยู่ที่ 118.91 บาท ลดลง 25.02% ในรอบ 24 ชม. และราคาต่ำสุดในรอบวันที่ 113.67 บาท JFIN อยู่ที่ 33.37 บาท ลดลง 29.23% และ SIX อยู่ที่ 3.09 บาท ลดลง 30.06%

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย.8.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ รวมถึงความกังวล MSCI จะปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำให้มีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นอาจมีการรีบาวนด์ทางเทคนิค แต่ยังคงต้องติดตามตลาดหุ้นต่างประเทศและปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศเป็นหลัก โดยให้แนวต้านไว้ที่ 1,600-1,605 จุด แนวรับ 1,575-1,580 จุด

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากปัจจัยลบจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยยังคงต้องติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ขณะที่ในมุมมองของตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความแข็งแรงมาก สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย

รายงานข่าวจากสำนักข่าว Bloomberg แจ้งว่า จากการประเมินของเว็บไซต์ CoinMarketCap พบว่า การเทขายคริปโตเคอร์เรนซีครั้งใหญ่ส่งผลให้มูลค่าในตลาดหายไปถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.946 ล้านล้านบาท ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
กำลังโหลดความคิดเห็น