xs
xsm
sm
md
lg

ศก.ไทยปีเสือต้องไม่เป็นเหยื่อ "โอมิครอน" ยกการ์ดสูง! รับสินค้าแพง-ดบ.ขาขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ปี 2565 หรือปีเสือหลายคนอาจต้องกลายเป็นเหยื่อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ "โอมิครอน" ซึ่งกำลังแพร่ระบาดต่อเนื่อง ด้วยเพราะเป็นไวรัสที่ติดต่อง่ายเป็นอันดับ 2 รองจาก "หัด" สามารถแพร่ติดต่อไปยังผู้อื่นอีก 8-10 คนกันเลยทีเดียว ซึ่งทั่วโลกมีการติดเชื้อทะลุ 300 ล้านคนแล้ว ขณะที่ไทยล่าสุดติดเชื้อกว่า 5,000 คน ถือว่าเป็นการติดเชื้อที่เร็วกว่าที่คาดไว้จนทำให้กระทรวงสาธารณสุขถึงกับต้องประกาศยกระดับการแจ้งเตือนภัยโควิดเป็นระดับ 4 เพื่อเร่งสกัด

“โอมิครอน” กลายเป็นฝันร้ายของเศรษฐกิจไทยปี 2565 ที่ตามมาหลอกหลอนเพิ่มเติมจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา แถมยังมีภาพหลอนแพลมๆ สายพันธุ์อื่นๆ ที่เริ่มมีกระแสข่าวออกมาอีกเช่น “เดลตาครอน” ก็ไม่รู้ว่าเดลตาไปแอบผสมพันธุ์กับโอมิครอนตอนไหน แต่เวลานี้พบที่ไซปรัส แม้ยังไม่ขยับไปที่อื่นก็ยังประมาทไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ความเป็นอยู่ของคนไทย ปีนี้เรายังคงต้องฮึดสู้ฝ่าความยากลำบากไปให้ได้อีกปีหนึ่งจากที่ก็ยากลำบากกันมาแล้วถึง 2 ปีเต็ม

เฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลก็สะบักสะบอมไม่น้อย เมื่อดูข้อมูลล่าสุด ณ เดือน ก.ย. 2564 ยอดหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ 9.34 ล้านล้านบาท คิดเป็น 58.15% ต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.49 ล้านล้านบาท และท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ยังไม่รู้จะจบตรงไหนส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวได้ช้าเพราะการท่องเที่ยวยังไม่กลับสู่ภาวะปกติทำให้การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลต้องขาดดุลไปอีกอย่างน้อย 4 ปี (ปีงบ 2566-69) ที่มีการประเมินว่าปีงบ 2569 ยอดหนี้สาธารณะของไทยจะอยู่ที่ 13.46 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 67.15% ต่อ GDP จึงส่งผลให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องขยับระดับ ‘เพดานหนี้สาธารณะ’ เป็นไม่เกิน 70% ต่อ GDP จากเดิมไม่เกิน 60% ต่อ GDP

เมื่อหันมามองหนี้สินครัวเรือนข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ 30 ก.ย. 2564 ครัวเรือนไทยมีหนี้สินทั้งสิ้น 14.34 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 89.3% ต่อ GDP แม้ว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับไม่เกิน 90% ต่อ GDP แต่จะพบว่าในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมายอดหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น 3.11 แสนล้านบาท ซึ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงขั้นประกาศให้ปี 2565 นี้เป็นปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือนคนไทยแบบจริงจัง? ที่ทำให้หลายคนยังนึกภาพไม่ออกว่าท่าน "นายกฯ" จะใช้มาตรการใดเพราะปัจจุบันค่าครองชีพกลับพุ่งกระฉูดเรียกว่ามาแรงแซงโค้งรายได้

แถมประเดิมปีเสือไม่ทันไรคนไทยรับรู้ถึงสารพัดราคาสินค้าที่ขยับขึ้นแบบที่ผู้ประกอบการสุดอั้นไม่อาจทนต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ กับประเภท "ฉวยโอกาส" เกินจริงก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะราคาอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อหมูปรับราคาพรวดเดียว 5-15 บาทต่อจาน เพราะหมูที่มีราคาแพงจากการขาดตลาดอันเนื่องจากเกิดปัญหาโรคในหมู ขณะที่ราคาไก่ก็เริ่มขยับตาม ฯลฯ ด้านราคาพลังงานค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย. 65) ก็ปรับขึ้น 16.71 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ราคาน้ำมันก็เป็นขาขึ้นต่อเนื่องจนดีเซลจะชนเพดานที่รัฐกำหนดตรึงไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรแล้ว ค่าขนส่งที่ล่าสุดเรือแสนแสบเองก็ตรึงไม่อยู่ต้องขึ้นค่าโดยสาร ฯลฯ จากทิศทางเหล่านี้ย่อมเห็นว่าค่าครองชีพของคนไทยนั้นมีแต่จะสูงขึ้นหากรัฐบริหารจัดการไม่ดีพอ

ดังนั้นเมื่อต้องมองอนาคต ณ เวลานี้ (มองไกลคงจะยาก) แนวทางปรับตัวของคนไทยเชื่อว่าทุกคนประหยัดกันจนแทบไม่มีจะรับประทานแล้วนั้นอาจผลักให้เกิดการกู้หนี้นอกระบบมากขึ้นอีกได้ ....ท่ามกลางหลายชีวิตต้องตกงานขาดรายได้ หรือมีงานทำรายได้ก็ถูกปรับลดลง แต่ค่าใช้จ่ายสวนทางขึ้น ช่วงนี้เสียงสะท้อนจากหลายๆ ส่วนทั้งภาคอุตสาหกรรม ทั้งผู้บริโภค ต่างก็เห็นตรงกันว่าปัญหานี้ไม่ธรรมดาจริงๆ และเริ่มเสียงดังมากขึ้น


ผวาค่าครองชีพสูงกดดัน ศก.ไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
กล่าวถึงมุมมองต่อภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นว่า ขณะนี้ราคาสินค้าของไทยมีการปรับเพิ่มขึ้นทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และค่าพลังงานต่างๆ ขณะที่หนี้ครัวเรือนของไทยที่อยู่ระดับสูงกว่า 14 ล้านล้านบาทก็ยิ่งกดดันต่อกำลังซื้อของคนไทยให้ลดต่ำลงยิ่งขึ้นและส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะต่อไป

“เวลานี้สหรัฐฯ ประสบภาวะเงินเฟ้อสูงมาก หรือ Hyperinflation โดยมีเงินเฟ้อ 6.8% สูงสุดรอบ 40 ปีแต่ไทยไม่ได้สูงระดับนั้นเพราะราคาสินค้าโดยเฉพาะอาหารของไทยไม่ได้สูงมาก แต่เวลานี้เริ่มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม และหากมองไปที่เศรษฐกิจโลกปี 2565 นอกเหนือจากการเผชิญกับการมาของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนแล้วภาวะเงินเฟ้อก็ยังเป็นแรงกดดันทั่วโลกให้แย่ลงอีกด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว


ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED จะทำการลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ลง โดยคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งนั่นส่งผลให้มีการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 จำนวน 3-4 ครั้งเพื่อดูดสภาพคล่องกลับซึ่งจะส่งผลต่อตลาดทุนทั่วโลก และที่สุดไทยก็จะหนีไม่พ้น และนี่จะเป็นแรงกดดันต่อต้นทุนทางธุรกิจของไทยมากขึ้นในระยะต่อไปจากอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องเป็นขาขึ้น

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ท่ามกลางภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการแพร่ระบาด "โอมิครอน" ที่ยังมองไม่ออกว่าจะจบเมื่อใดแต่นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายที่จะเร่งแก้ไขภาวะหนี้ครัวเรือนนับเป็นเรื่องที่ดีแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเห็นว่าแนวทางสำคัญคือต้องเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอจากผลกระทบโควิด-19 มาต่อเนื่อง 2 ปีซึ่งรัฐเองมีมาตรการบางส่วนสนับสนุนแล้วแต่ก็ต้องมองในเรื่องของรายได้ที่ยั่งยืน ขณะเดียวกันวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่ล้มหายตายจากไปจำนวนมากทำอย่างไรให้ที่เหลืออยู่ได้ประคองให้อยู่รอด เพราะเมื่อหันไปดูบริษัทขนาดใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 700-800 รายมีกำไรรวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาทซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าความเหลื่อมล้ำยิ่งมีมากขึ้น

"ก่อนหน้าผมเสนอให้เตรียมเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ล่วงหน้า 1 ล้านล้านบาทยังมองว่าจำเป็นอยู่ เพราะเงินที่รัฐเตรียมไว้ 2-3 แสนล้านบาทไม่น่าจะเพียงพอเพราะการมาของโอมิครอนซึ่งหากโอมิครอนจบเร็วกลายเป็นโรคประจำถิ่นภายในไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยก็ยังโตได้ 3-3.5% แต่หากยืดเยื้อไปถึงปลายปีเราก็อาจเป็นเศรษฐกิจถอยกลับไปสู่ระดับเดียวกับปี 2564 โดยอาจโต 0-1%" นายเกรียงไกรกล่าว


หนี้ครัวเรือนต้องเร่งแก้ก่อนรวยกระจุก จนกระจาย

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา เลขาธิการสภาองค์การของผู้บริโภค กล่าวว่า การมาของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนก็ว่าแย่แล้วค่าครองชีพที่สูงขึ้นก็ยิ่งซ้ำเติมไปอีก ดังนั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาล หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไข โดยจะพบว่าค่าครองชีพที่สูงมาจากค่าพลังงานที่สูงจากราคาตลาดโลก ซึ่งการที่รัฐอ้างว่าต้องสะท้อนกลไกตลาดก็ไม่ได้ผิด หากแต่โครงสร้างภาษีที่มีหลักการมุ่งเน้นหารายได้เข้าคลังนั้นจำเป็นต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมไม่ใช่ใช้แต่มาตรการเดิมๆ ด้วยการควักเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนและเมื่อหมดก็ไปกู้มาเพิ่มแล้วที่สุดเมื่อราคาตลาดโลกลดก็ย้อนกลับมาเก็บเงินจากผู้ใช้เมื่อถึงตอนที่ประชาชนควรจะได้มีโอกาสฟื้นตัวจากราคาพลังงานขาลงก็ไม่มีอีก

ขณะที่นโยบายการดูแลเศรษฐกิจภาพรวมเองก็ยังคงมีโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมนักทำให้ระบบการแข่งขันไม่มีมากพอจึงมีผลต่อราคาสินค้าที่ผูกขาด เพราะยังคงเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่และกลุ่มทุนการเมือง ตัวอย่างกรณีราคาหมูที่แพงเกิดจากการบริหารที่พลาดที่ประกาศการเกิดโรคที่ล่าช้าส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยล้มและผู้ที่รับประโยชน์กลายเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ฯลฯ

นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลส่วนใหญ่ทุกรัฐบาลล้วนไม่เคยคิดที่จะลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอย่างจริงจังโดยเฉพาะระบบรถโดยสารสาธารณะที่รัฐมุ่งเน้นแต่ประโยชน์รายได้จากค่าสัมปทานแทนการดูแลราคาค่าโดยสารประชาชนให้ถูกหรือเหมาะสมกับรายได้ .... เมื่อค่าโดยสารภาพรวมแพงประชาชนก็ต้องก้มหน้ายอมรับสภาพโดยไม่มีทางเลือกใดๆ

“ราคาทั้งหมู ไก่ ไข่ อาหารตามสั่ง ขึ้นกันหมด มันเกิดคำถามว่าความมั่นคงทางอาหารของไทยกำลังหายไปใช่ไหม ถ้ารัฐไม่เร่งแก้ไขสังคมไทยจะยิ่งเพิ่มจำนวนคนรวยให้ห่างไปจากคนจนมากขึ้น หรือทำให้คนรวยกระจุก และจนกระจาย เมื่อรายจ่ายของคนไทยสูง สวนทางรายได้ที่ลดลง การกู้หนี้ยืมสินก็ตามมาทุกอย่างก็พัวพันแล้วเราก็กู้ๆ กลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมแบบนี้เราจะก้าวต่อไปอย่างไร การเพิ่มรายได้ต้องมองความยั่งยืนแต่ละภาคส่วนก็ต่างกันแต่ต้องรีบแก้ต้องช่วยคนที่อ่อนแอไม่ใช่เกรงใจแต่กลุ่มทุน ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำถามว่าหากขึ้นแล้วราคาของขึ้นไปมากกว่าจะเกิดประโยชน์อะไร” นายอิฐบูรณ์กล่าว

ดังนั้น ปี 2565 ถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือรัฐบาล "ลุงตู่" ว่าจะเบรกค่าครองชีพที่สูงปรี๊ดตีคู่มากับการแพร่ระบาดของโอมิครอนได้หรือไม่ รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน เหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะสิ่งเหล่านี้คือปากท้องของชาวบ้าน ....จึงไม่แปลกที่เวลานี้การเมืองฝ่ายตรงกันข้ามเริ่มนำมาหาเสียงถึงแนวทางแก้ไขต่างๆ เช่น การเสนอให้ปรับโครงสร้างภาษีคนรวย เช่น ภาษีหุ้น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ฯลฯ

การแก้ไขปัญหาเหล่านี้รัฐจึงควรฟังเสียงสะท้อนให้มากๆ เพราะแม้แต่ฝ่ายการเมืองตรงข้ามที่เสนอแนะก็ใช่ว่าจะต้องมองเป็นศัตรู หากทำแล้วประโยชน์เกิดแกประชาชนคนส่วนใหญ่ก็ไม่ควรมองข้าม....และอย่าทำแค่ผักชีโรยหน้าเพื่อหาเสียงตุนไว้รอเลือกตั้ง ...เพราะมันไม่ยั่งยืนและสุดท้ายจะนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาบนท้องถนน... ทั้งหมดนี้ก็แค่ปัญหาภายในนะ ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยเป่าลมหนี้ให้พองพร้อมกันทั่วโลกความลำบากของระบบการเงินไทยจะมาเยือนอีกครา....เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น