xs
xsm
sm
md
lg

BAMมั่นใจผลเรียกเก็บเข้าเป้า1.78หมื่นล.พร้อมชงบอร์ดวางเป้าปี69ผลเรียกเก็บโต5%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


รักษ์ วรกิจโภคาทร
BAM โชว์ผลงาน 9 สร้างผลเรียกเก็บ 13,800ล้าน โต 27% กำไรสุทธิ 1,695 ล้านบาท โต 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มั่นใจทั้งปีผลเรียกเก็บเข้าเป้า 17,800 ล้าน เล็งเสนอบอร์ดเพิ่มเป้าผลเรียกเก็บปี69 เติบโต5% พร้อมเดินหน้าตั้ง JV AMC เพิ่มอีก 2 แห่ง ร่วมกับสถาบันการเงิน เสริมศักยภาพบริหารหนี้–ทรัพย์ NPA เป้าลด D/E เหลือไม่เกิน 2 เท่า

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ (BAM) กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ BAMสามารถสร้างผลเรียกเก็บได้สูงถึง 13,803 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสามารถสร้างผลเรียกเก็บได้ที่ 10,910 ล้านบาท โดยในปีนี้ BAM มีกำไรสุทธิที่ 1,695 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,079 ล้านบาท นอกจากนี้กำไรสุทธิรอบ 9เดือนของ BAM ยังสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 67 ซึ่งทำได้ 1,602 ล้านบาทด้วย

ขณะที่ผลงานทางด้าน NPL ยังเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ด้วยแนวทางที่ให้โอกาสลูกหนี้ในการได้หลักประกัน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินกลับคืนไปด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ด้วยกระบวนการ Recycling Machine ซึ่งมีเป้าหมายในการเร่งสร้างโรงงานแก้หนี้ เพื่อฟื้นฟูให้ลูกหนี้กลับมามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมเดินหน้าการทำ NPL Partnership ด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงิน รวมทั้งการทำ JV Window หรือการสร้างรายได้ด้วยโมเดลการบริหารเพื่อแบ่งกำไร และโมเดลการรับจ้างบริหาร

“ปัจจุบัน BAM มี NPL ที่อยู่ในความดูแล 90,150 ราย คิดเป็นภาระหนี้ 491,912 ล้านบาท และ NPA จำนวน 28,287 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 78,569 ล้านบาท”


จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้BAM เตรียมเสนอแผนการดำเนินงานในปี69 ต่อคณะกรรมการบริษัทในช่วงเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยBAM คาดว่าจะตั้งเป้าหมายผลเรียกเก็บหนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าสามารถทำผลเรียกเก็บได้ตามเป้า 1.78 หมื่นล้านบาทขระดัยวกันBAMวางแผนจะทยอยปรับเพิ่มผลการเรียกเก็บต่อเดือนเพิ่มเป็น 1,700ล้านบาท หลังจากที่ผลเรียกเก็บ 9 เดือนที่ผ่านผลเรียกเก็บของ BAM เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 1,500 ล้านบาท จากในอดีตที่เคยอยู่ในระดับ 1,000 ล้านบาท

“สาเหตุที่ผลเรียกเก็บเฉลี่ยต่อเดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการที่BAMมีการบริหารจัดการลูกค้าในพอร์ตได้ดีขึ้น และมีการร่วมทุนกับสถาบันการเงินในการตั้งJV AMC โดยซึ่งปัจจุบันมี2 บริษัท ได้แก่ARI AMC ที่ร่วมกับธนาคารออมสิน และ ARUN กับธนาคารกสิกรไทยทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพของผลเรียกเก็บที่เข้ามาได้ดีขึ้น และหลังจากนี้BAM ยังมีแผนร่วมทุนกับสถาบันการเงินในการตั้ง JV AMC เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมศักยภาพการสร้างการเติบโตให้กับ BAM โดยที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในการร่วมทุน JV AMC กับสถาบันการเงินรายใหญ่ 2 รายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานของBAM โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาทรัพย์ที่จะนำมาร่วทกันบริหารและโมเดลของธุรกิจ

นอกจากนี้ BAM ยังมีแผนจะผลักดันในด้านของ Ratio เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และ ผู้ถือหุ้นของBAM มากขึ้น
โดยเฉพาะการเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ที่ต้องการให้เพิ่มขึ้นอีก1.4-1.5% จาก 9 เดือนที่ผ่านมา ROA อยู่ที่ 4.36% รวมไปถึงการทยอยลดการกู้เพื่อซื้อทรัพย์ลง เพื่อทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ลงมาที่1.8-1.9 เท่า จาก9 เดือนที่ผ่านมาD/E อยู่ที่2.02 เท่า เพื่อทำให้BAM มีต้นทุนทางการเงินลดลง และนำศักยภาพของทรัพย์ที่บริหารมาสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น