xs
xsm
sm
md
lg

SCC ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% เทงบลงทุนแตะ 4-5 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



SCC เทงบลงทุนปี 66 ราว 4-5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ LSP ประเทศเวียดนามที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในกลางปีนี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้โตขึ้น 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 5.7 แสนล้านบาท ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้น หลังจีนเปิดประเทศหนุนการท่องเที่ยวโต และราคาปิโตรเคมีขยับสูงขึ้น

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายในปี 2566 เติบโตขึ้น 10% จากปีก่อนที่ 569,609 ล้านบาท เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่จากโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ Long Son Petrochemicals ( LSP) ที่ประเทศเวียดนามที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในกลางปีนี้ รวมทั้งเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคกลับมาดีขึ้น ขณะที่ตลาดอาเซียนปรับตัวขึ้นตามการเปิดประเทศของจีน ราคาถ่านหินในตลาดโลกลดลงหลังจากช่วงฤดูหนาว และเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมพร้อมรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นมา

ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 4-5 หมื่นล้านบาทจากปีที่แล้วใช้งบลงทุนไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยเงินลงทุนประมาณ 50% ใช้ในโครงการ LSP ที่เหลือจะเป็นการลงทุนโครงการต่อเนื่องและโครงการที่มีความจำเป็น

“บริษัทยังให้ความสำคัญทางการเงิน เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าวิกฤตจะอยู่อีกนานเท่าไร โดยบริษัทเน้นการลดต้นทุน มีการใช้พลังงานสะอาดเข้ามาแทนมากขึ้น ซึ่งปีนี้ราคาถ่านหินเริ่มอ่อนตัวลง ส่วนค่าไฟและราคาก๊าซธรรมชาติก็ยังสูงเมื่อเทียบปีก่อน”


สำหรับผลประกอบการบริษัทปี 2565 มีรายได้ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 21,382 ล้านบาท ลดลง 55% สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัว ปิโตรเคมีขาลง ต้นทุนพลังงานสูง ในขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2565 มีกำไร 157 ล้านบาท ลดลง 94% จากไตรมาสก่อน สาเหตุจากส่วนต่างราคาขายเคมีภัณฑ์ที่ลดลง ต้นทุนพลังงานทั้งถ่านหินและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ เป็นผลจากวิกฤตซ้อนวิกฤต ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ราคาพลังงานทั้งถ่านหินและค่าไฟพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เงินเฟ้อ ค่าเงินบาทผันผวน เศรษฐกิจจีนชะลอตัว และวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งบริษัทได้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับตัวฉับไวเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อธุรกิจโดยรวม โดยมุ่งเน้นรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้มั่นคง ลดต้นทุนโดยใช้พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการผลิต ส่งผลให้เงินสดคงเหลือแข็งแกร่งอยู่ที่ 95,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ความท้าทายที่ผ่านมาก็เอื้อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจ โดยเฉพาะความต้องการสินค้ากรีน ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญของโลกและมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มพลังงานสะอาด พลาสติกรักษ์โลก โซลูชันประหยัดพลังงาน บรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้ทรัพยากร


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวว่า จากวิกฤตต้นทุนพลังงานทั้งถ่านหินและค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก บริษัทจึงรุกธุรกิจพลังงานสะอาด โดยมีขนาดกำลังการผลิต 234 เมกะวัตต์ ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 78% จากปีก่อน ด้วยระบบเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Grid สำหรับนิคมอุตสาหกรรม เครือข่ายโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล โดยปี 2565 บริษัทเพิ่มสัดส่วนใช้เชื้อเพลิงทดแทนเป็น 34% จาก 26% ในปีก่อน และมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 194 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจาก 130 เมกะวัตต์ในปีก่อน

พร้อมทั้งกำลังพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์คาร์บอน (Carbon Capture and Utilization - CCU) จากการผลิตปูนซีเมนต์ในไทยและอาเซียน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050 โดยร่วมกับ นิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง และไทยนิปปอน สตีล เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น
กำลังโหลดความคิดเห็น