xs
xsm
sm
md
lg

“สกนช.” ร่อนหนังสือเชิญ 10 สถาบันการเงินเสนอแผนเงินกู้ 2 หมื่นล้านโปะกองทุนน้ำมันฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“สกนช.” ร่อนหนังสือเชิญสถาบันการเงิน 10 แห่งเสนอแผนเงินกู้เสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรตามมติ ครม. 16 พ.ย. วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ลุ้นได้ดอกเบี้ยต่ำ หวังชง “บอร์ด กบน.” เดือน ธ.ค.นี้เคาะเพื่อนำเงินโปะกองทุนฯ ได้ในเดือน เม.ย. 65 พร้อมแย้มแผนชำระหนี้คืนภายใน 3 ปี

นายวิศักดิ์ วัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย. สกนช.ได้ทำหนังสือไปยังสถาบันการเงินประมาณ 10 แห่งเพื่อให้เสนอแผนเงินกู้ในการเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้กรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาทตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 16 พ.ย.เพื่อดูแลราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จและนำเสนอเข้าสู่ความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานเป็นประธานภายในเดือน ธ.ค.นี้ และคาดว่าวงเงินจะเริ่มเข้ามาเสริมสภาพคล่องได้ในช่วงเมษายน 2565

“ขณะนี้กำลังรอการตอบรับจากสถาบันการเงินเพื่อขอให้นำเสนอแผนเงินกู้กลับมาให้พิจารณาได้ในเร็วๆ นี้หลังจากที่เราเชิญไปประมาณ 10 แห่ง เช่น กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ และรวมถึงกรุงไทย และออมสิน เพราะ 2 สถาบันการเงินหลังนี้เคยตอบรับจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯในการกู้มาแล้วในช่วงปี 2554 ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมเราได้มอนิเตอร์ไว้ขณะนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.5-3% ดังนั้นหากสถาบันการเงินใดให้ดอกเบี้ยต่ำเราก็จะพิจารณาซึ่งจะเลือกสถาบันการเงินมากกว่า 1 แห่งเพื่อให้เกิดการแข่งขัน และการกู้เงินจะเป็นวงเงินกู้ทั่วไปไม่ใช่พันธบัตร” นายวิศักดิ์กล่าว

สำหรับแผนชำระเงินกู้ดังกล่าวได้กำหนดไว้เบื้องต้นแล้วว่าจะสามารถชำระหนี้ได้คืนภายใน 3 ปีนับตั้งแต่การกู้เงินโดยการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้นในช่วงที่ระดับราคาน้ำมันตลาดโลกลดต่ำลง โดยคาดการณ์เบื้องต้นในเดือน ก.พ. 65 ราคาน้ำมันจะลดต่ำลงเมื่อพ้นช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้รักษาราคาน้ำมันฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ พ.ศ. 2564 โดยให้เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศเป็นจำนวนไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ สามารถกู้เงินตาม พ.ร.ฎ.ได้อีก 1 หมื่นล้านบาท โดยการกู้เงินในส่วนนี้จะดำเนินการในระยะต่อไปจากกู้ก้อนแรก 2 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 28 พ.ย. 2564 มีจำนวน 1,426 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินในส่วนของกองทุนน้ำมันฯ 22,400 ล้านบาท ส่วนบัญชี LPG มีวงเงินติดลบอยู่ที่ 20,974 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมารัฐได้เข้าไปช่วยราคา LPG เพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชนตั้งแต่ปลาย มี.ค. 63 ไปแล้วกว่า 13,251 ล้านบาท และเมื่อน้ำมันตลาดโลกปรับสูงก็ได้เข้ามาตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรตามมติ กบน.ตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 โดยมีการชดเชยไปแล้วกว่า 7,211 ล้านบาท

“ช่วงรอยต่อก่อนที่เงินกู้จะเข้ามาเสริมสภาพคล่องนั้นเรายังมีวงเงินที่เป็นกระแสเงินสดไหลเข้ากองทุนฯ ที่มีการหมุนเวียน 3.8 หมื่นล้านบาทในการนำมาดูแลก่อนได้เพราะเงินขาเข้ามาจะใช้เวลา 15 วันแต่การเบิกจ่ายจริงจะใช้เวลาพอสมควรจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดในการดูแลราคาดีเซลและ LPG ส่วนหากกรณีราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่องตามกรอบการดำเนินงานของแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2563-2567 ของ สกนช.ก็จะมีลำดับดูแลไว้ชัดเจน และหากเห็นว่าการกู้เงินมากเกินไปก็จะมองไปในเรื่องของการลดภาษีสรรพสามิต” นายวิศักดิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น